Swanson Green Foods Formulas Organic Spirulina & Astaxanthin/ 120 Veg Tabs

สาหร่ายสไปรูลิน่า + สารสกัดสาหร่ายแดง แอสต้าแซนธิน ในหนึ่งเดียว อุดมไปด้วยสารอาหารบำรุงร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรค ผิวพรรณสดใส สุขภาพแข็งแรง


ราคา: 520 บาท

• อุดมด้วยโปรตีน กรดอะมิโน วิตามิน B, สารต้านอนุมูลอิสระ และอื่น ๆ ผู้ที่ทานมังสวิรัติควรรับประทานเสริม
• ผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างสาหร่ายสไปรูลิน่า ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมสารอาหารทั้งมวล "superfood" กับสารสกัดสาหร่ายแดงแอสต้าแซนธิน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชาแห่งสารต้านอนมูลอิสระ" (King of Carotenoids) เสริมการออกฤทธิ์ได้ดีเยี่ยม
• Non-GMO ธรรมชาติ 100%

วิธีรับประทาน: ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 เวลา เช้า-เย็น

Code: SWR072

Swanson Green Foods Formulas Organic Spirulina & Astaxanthin/ 120 Veg Tabs

  • Great whole-food source of vegetarian protein, amino acids, B vitamins, antioxidants and more
  • Combines superfood microalgae with antioxidant carotenoid
  • Non-GMO, non-irradiated and 100% vegetarian suppleme

Product Description:

Organic Spirulina & Astaxanthin

"Me and my husband have been taking Swansons' organic spirulina for many yrs now and LOVE the effects." ~product review by Simplifyx3
Spirulina is a favorite whole-food supplement among vegetarians thanks to its high protein content (up to 60% by weight) and its complete profile of essential amino acids. It's also a source of energizing B vitamins, valuable antioxidants like superoxide dismutase (SOD), soothing GLA (gamma-linolenic acid), cleansing chlorophyll and more. Our certified organic spirulina comes from Parry Nutraceuticals, the world leader in high-purity spirulina production.
Astaxanthin, called the "King of Carotenoids," is among today's most sought-after supplements due to its endorsements from world-renowned scientists, recognized medical experts and famous media personalities. It's considered one of the most effective antioxidants (up to 500 times more powerful than vitamin E, 10 times more potent than beta carotene, and an impressive 5 times more potent than lutein). It's one of the few nutrients known to cross both the blood-brain and blood-retina barriers to nourish these important tissues. The astaxanthin found in our new Swanson Green Foods Organic Spirulina & Astaxanthin is patented for use in eye health formulas and carries with it all the documented health benefits of astaxanthin for cardiovascular health, brain health and beyond.
New Organic Spirulina & Astaxanthin combines the world's most popular superfood microalgae with the world's most popular antioxidant carotenoid in a scientifically validated, high-purity, certified organic supplement produced to the most rigorous standards. GMO-free, non-irradiated and 100% vegetarian, it's a sensible, affordable option for whole-food supplementation you can trust for your family's good health.

Product Label:

Organic Spirulina & Astaxanthin

Supplement Facts

Serving Size 2 Veggie Tablets
Servings Per Container 60
Amount Per Serving% Daily Value
Certified Organic Spirulina (Arthrospira platensis)(microalgae)950 mg*
Astaxanthin (Haematococcus pluvialis)(cracked cells)250 mcg*
*Daily Value not established.
Suggested Use: As a dietary supplement, take two veggie tablets two times per day with water.
Certified Organic by Minnesota Crop Improvement Association (MCIA), St. Paul, MN 55108.
Product of India

: Spirulina :
- จัดเป็นชนิดสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน หรือเรียกว่า "สาหร่ายเกลียวทอง"
- เติบโตในน้ำจืด 5% ที่มีส่วนผสมของน้ำเค็มจากทะเลลึก อุดมไปด้วยแร่ธาตุ
- ประกอบไปด้วยโปรตีน 60% (เป็นแหล่งโปรตีนที่สูงที่สุดในประเภทโปรตีนจากพืช)
- มีเบต้าแคโรทีนตามธรรมชาติสูง ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และดวงตา
- มีวิตามิน B สูง โดยเฉพาะวิตามมิน B-12 เป็นวิตามินที่จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดง ระบบประสาท และการสังเคราะห์ DNA
- มีวิตามิน K1 และ K2: เป็นวิตามินที่สำคัญในการส่งเสริมการแข็งตัวของเลือด และดูแลสุขภาพกระดูก โดยการศึกษาล่าสุดยืนยันว่า วิตามิน K2 อาจลดปัญหาโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจและหลอดเลือดได้
- เป็นแหล่งของกรด แกมมา-ไลโนเลอิค (GLA) ที่ดี (ช่วยโรคข้ออักเสบ)
- เป็นแหล่งที่ดีของ เอนไซม์ Superoxide Dismutase (SOD): เป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบในร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์
- ซีแซนทีน (Zeaxanthin): สารแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ โดยเฉพาะการเสื่อมของดวงตา
- เป็นแหล่งที่ดีของ Phycocyanin (รงควัตถุสีน้ำเงินตามธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อตับ และไต)
- เป็นแหล่งที่ดีของธาตุเหล็ก

: Astaxanthin :
- จัดเป็นสาหร่ายสายพันธ์ Haematococcus pluvialis
- เติบโตในน้ำจืด (ไม่มีแร่ธาตุ)
- มีโปรตีนน้อย
- ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่งและดีที่สุดในโลก **
- ผ่านการวิจัยทางการแพทย์แล้วว่า มีประโยชน์ต่อสุขภาพข้อต่อ สมอง ดวงตา และผิวพรรณ


สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina)

สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina หรือ Arthrospira) คือ สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Blue-green alga หรือ Cyanobacterium) สกุลหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็น เซลทรงกระบอกหลายเซลเรียงต่อกันเป็นเส้นสายตรง หรือขดเป็นเกลียว หรือ เป็นวง ไม่มีกิ่งก้าน เรียกว่า ไตรโคม ( trichome ) โดยเซลมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-12 ไมโครเมตร ( m m) ขนาดความกว้าง ยาว ของไตรโคมขึ้นกับชนิด (Species) ของสาหร่าย และสภาวะแวดล้อมที่สาหร่ายเจริญเติบโต

สาหร่ายสไปรูลิน่าประกอบด้วย ปริมาณ โปรตีนสูงถึง 70% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่งสูงกว่าปริมาณโปรตีนที่มีในเนื้อวัวหรือในไข่ถึง 3/2 เท่า ซึ่งโปรตีนจากสาหร่ายสไปรูลิน่านั้น เป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 8 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็นนี้ เป็นสิ่งที่ร่างกายของเราต้องการ แต่ร่างกายเรานั้นไม่สามารถผลิตกรดอะมิโนจำเป็นเหล่านี้ได้นอก จากนั้นสาหร่ายสไปรูลินายังประกอบด้วยคลอโรฟิลล์และไฟโคไซยานินจำนวนมาก เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า คลอโรฟิลล์มีอยู่ในพืชมีสีเขียว ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยรักษาโรคผิวหนัง กระตุ้นให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น ช่วยร่างกายขับสารพิษต่างๆ ลดอาการท้องผูก ช่วยฟื้นฟูตับที่เสื่อมสลาย ช่วยลดอาการอักเสบของแผลในกระเพาะอาหาร ส่วนไฟโคไซยานินเป็นสารให้สีประเภทบิลิรูบิน เป็นคุณสมบัติเฉพาะของสาหร่ายสไปรูลิน่า มีความสำคัญยิ่งต่อการทำงานของตับและการย่อยสลายกรดอะมิโนช่วยทำ ให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายดีขึ้นและยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเนื้อ งอก และยังมีคาโรทีนอยด์ หรือ โปรวิตามิน (Provitamin) ซึ่งเป็นสารที่สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้
นอกจากนี้หนังสือ"The Secreat of Spirulina"ยังได้กล่าวถึงปริมาณโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารชนิดอื่นไว้ดังนี้


เนื้อวัว 18-20% ถั่วเหลือง 33.35%
ไข่ 10-25% ปลาทู ปลาอินทรีย์ 20%
ข้าวสาลี 6-10% คลอเรลลา 40-56%
ข้าวเจ้า 7% สาหร่ายเกลียวทอง 69.5-71%

คณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ข้อมูลว่าสาหร่ายเกลียวทองเป็นสาหร่ายที่มีโปรตีนสูง ถึง 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่นๆ เช่น ถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37% และยังพบว่าโปรตีนของสาหร่ายเกลียวทองมีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยกรดแกมม่าไลโนเลนิก(GLA) ซึ่งกรดนี้มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน และสิวฝ้า, วิตามิน B12 ซึ่งถ้าขาดวิตามินนี้ก็จะทำให้เกิดโรคโลหิตจางได้ , วิตามินA ซึ่งอยู่ในรูปเบตาแคโรทีน มีบทบาทในการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่างๆ และสาหร่ายนี้ยังเป็นแหล่งที่มีวิตามิน E, วิตามิน C ,วิตามิน B1, B12 และไนอาซีนสูง นอกจากวิตามินต่างๆแล้วยังมีเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม แคลเซียม และยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟิลล์อีกด้วย

สาหร่ายสไปรูลิน่าให้สารอาหารประเภทกรดอะมิโนที่จำเป็นในปริมาณสูงทั้ง 8 ชนิดดังนี้

1. ไอโซลูซีน (Isoluecine) ที่ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาการของความทรงจำ และยังใช้ในการสังเคราะห์กรดอะมิโนไม่จำเป็นบางตัวในร่างกายอีกด้วย

2. ลูซีน (Luecine) กระตุ้นการทำงานของสมองทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น

3. ไลซีน (Lysine) เป็นโครงสร้างของเซลล์เม็ดเลือด ที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบไหลเวียนโลหิต และทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ
4. เมไธโอนีน (Methionine) ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ทำให้ตับมีสุขภาพดี และยังลดความเครียดของสมอง
5. เฟนินอลานีน (Phynynollanine) ช่วยให้ต่อมไธรอยด์นำไปใช้สร้างไธรอยด์ฮอร์โมนที่ควบคุมพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่เรียกว่า BMR
6. เทรโอนีน (Threonoine) ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิตเป็นไปได้ด้วยดี
7. ทริปโตแฟน (Tryptophan) ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาวิตามิน B มาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น เชื่อว่าให้ผลในการควบคุมอารมณ์และทำให้ใจเย็นลงได้
8. วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานของระบบการควบคุมอารมณ์ และการประสานงานการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ

จากรายงานการวิจัยของ ดร.มาโกโตะ อูโนะ วิทยาลัยแพทยศาสตร์ เกียวโต พิสูจน์ว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในรูปสาหร่ายเกลียวทองมีผลต่อการเจริญเติบโตของ แบคทีเรียและสัตว์ การเผาผลาญอาหาร การหายใจ กระตุ้นสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของฮอร์โมนและการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย
งานวิจัยเกี่ยวกับสาหร่ายเกลียวทองในประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มต้น เมื่อปี พ.ศ. 2511 คณะนักวิจัยได้มาร่วมทำงานกันโดยตั้งเป้าที่จะเริ่มการผลิตในระดับ อุตสาหกรรม โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหพันธ์สาหร่ายขนาดเล็กนานาชาติ หลังจากดำเนินงานได้ 2 ปี ก็โอนกิจการงานวิจัยให้กับบริษัทไดนิปปอนอิงค์ กากากูโกกิโอ คาบู ชิกิไกซา บริษัทนี้ประสบความสำเร็จในการผลิตสาหร่ายเกลียวทองในระดับอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีคุณภาพดีและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
ผลการวิจัยของศาสตราจารย์ ดร.เคนอิชิ อะกัตซูกะ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่นที่ปรากฎในหนังสือ"The Secreat of Spirulina" พบว่าสาหร่ายสไปรูลิน่ามีลักษณะของความปลอดภัย ดังนี้ คือ
  • เป็นผลิตภัณฑ์ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
  • ไม่มีผลข้างเคียง แม้ว่าจะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานสักเท่าใด
  • แม้ว่าบังเอิญจะกินเข้าไปมากเกินขนาด ก็ไม่เกิดเป็นพิษหรือมีผลข้างเคียง
  • เมื่อใช้เป็นประจำทุกวัน จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเพิ่มความต้านทานโรค

ประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูลิน่า
+ ช่วยลดความเครียด ปวดศีรษะ บำรุงประสาท เป็นอาหารของสมองทำให้กระฉับกระเฉง
+ ลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
+ ลดอาการอักเสบปวดข้อ ปวดประจำเดือน ปวดจากบาดแผลริดสีดวงทวาร
+ เสริมสร้างเซลล์ผิวหนังให้มีสภาพแข็งแรง เสริมสร้างเซลล์ใหม่ของร่างกาย
+ เสริมสร้างความเป็นหนุ่มสาว สร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น
+ เสริมสร้างเส้นผมให้ดกดำ และเส้นผมแข็งแรงลดอาการผมร่วง
+ เสริมสร้างพละกำลังให้กับร่างกาย และนักกีฬา
+ รักษารูปร่างและน้ำหนักให้พอดี
+ บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โรคโลหิตจาง
+ ป้องกันและบรรเทาโรคตับอักเสบ โรคตับแข็ง
+ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งทุกชนิด มีสารกระตุ้นภูมิต้านทานอาจทำลายเซลล์มะเร็งได้
+ ช่วยสร้างแลคโตบาซิลลัส ทำให้การดูดซึมและการย่อยดีขึ้นป้องกันการติดเชื้อ
+ บรรเทาอาการต้อมัวให้หายเร็วขึ้น ต้อกระจก และต้อหินให้มีอาการดีขึ้น
+ ลดพิษของสารปรอท ขับสารพิษในร่างกาย ช่วยลดกลิ่นปาก
+ ช่วยยับยั้งไวรัสเอดส์ สร้างภูมิต้านทานให้ดีขึ้น
+ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น รักษาความสะอาดในลำไส้
+ ช่วยทำให้บาดแผลทั่วไปหายเร็วขึ้น
+ รักษาแผลเปื่อยในกระเพาะอาหาร การอักเสบทางเดินอาหารควบคุมกรดในกระเพาะอาหาร
+ ปรับระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
+ รักษาหวัด เสริมสุขภาพในรายที่เป็นหอบหืด
+ บรรเทาอาการเจ็บคอ ทอนซิลอักเสบ
+ เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ เหมาะสำหรับวัยหมดประจำเดือน
+ ลดอาการปวดไมเกรน
+ ป้องกันโรคเหน็บชา
+ ช่วยให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ ให้มีอาการดีขึ้น
+ ช่วยบรรเทาผู้ที่เป็นโรคเก๊าต์
+ ช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น


แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)

แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้แรงกว่า วิตามิน ซี 6,000 เท่า, CoQ10 800 เท่า, วิตามิน อี 550 เท่า, Green tea catechins 550 เท่า, Alpha lipoic acid 75 เท่า, เบต้า แคโรทีน 40 เท่า และ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 17 เท่า ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่ข้อต่อกระดูก ลดริ้วรอย ผิวพรรณสดใส บำรุงสายตา บำรุงสมอง และเสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อร่างกาย
ประโยชน์ของสารแอสตาแซนธิน
นอกจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีเยี่ยม ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในด้านต่างๆดังนี้
● ช่วยให้ผิวคงความอ่อนวัย ลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยและจุดด่างดำ
● ช่วยบำรุงสายตา ลดอาการเมื่อยล้าของสายตาจากการใช้คอมพิวเตอร์
● ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกาย
● ช่วยดูแลสุขภาพกระเพาะอาหาร
● ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตก

ศักยภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ
ปัจจุบันแอสตาแซนธิน เป็นสารที่มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีที่สุดแอสตาแซนธิน จึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทางเลือกใหม่ ที่ให้ได้มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ ด้วยโครง สร้างทางเคมีรูปแบบจำเพาะเหมือนกับสารแคโรทีนอยด์ และความสามารถที่เหนือกว่าในการปรับตัวอยู่ในชั้นผนังเซลล์ได้ทั้งชั้นน้ำ และชั้นไขมัน

การเปรียบเทียบกับสารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ (วิตามินอีธรรมชาติ วิตามินเอ วิตามินซี เบต้าเเคโรทีน ไลโคปีน ลูทีน)
+ ป้องกันการเกิดเพอร์ออกซิเดชั่นของไขมันได้อย่างดีเยี่ยม
+ เป็นสารกำจัดสารอนุมูลอิสระที่แรงที่สุด
+ กระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน
+ มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันการอักเสบ
+ เมื่อใช้ร่วมกับไลโคปีนแล้ว แอสตาแซนธินสามารถต้านการออกซิเดชั่นได้ดีกว่าการใช้ไลโคปีน ลูเทอีนหรือ แอสตาแซนธินอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมีนัยสำคัญ
+ เมื่อใช้ร่วมกับกรดไลโปอิก เรสเวอราทรอล เออโกไธไอนีน กรดแอสคอร์บิก โสม กระเทียม แปะก๊วย พบว่าสามารถเพิ่มศักยภาพการต้านสารอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
+ ผลการทดสอบพบว่า สามารถป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่า เมื่อใช้ร่วมกับโทโคไทรอีนอล

แอสตาแซนธิน : สุขภาพผิว
ริ้วรอยแห่งวัยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติไม่ สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่เร่งทำให้ริ้วรอยนั้นเกิดเร็วขึ้นและชัดเจนมากขึ้น เช่น รังสี UV จากแสงอาทิตย์ มลพิษจากสภาวะแวดล้อม และระดับโอโซนซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยเนื่องจากชั้นเซลล์ผิวถูก ทำลาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง นอกจากนั้นยังมีสาเหตุที่เกิดจากอาหารที่รับประทานและลักษณะนิสัยการดำเนิน ชีวิต ที่ทำให้การซ่อมแซมผิวหนังตามธรรมชาติและระบบการต่อต้านอนุมูลอิสระของร่าง กายเสียสมดุล ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวร่วมกับผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม เข้ามาช่วยในการบำรุงสุขภาพผิวของเราในระยะยาว
คนทั่วไปจะ รู้จักสารแคโรทีนอยด์ที่ชื่อว่าเบตา-แคโรทีน (โปรวิตามิน A) และวิตามิน E เป็นอย่างดี แต่ในปัจจุบันได้มีการศึกษาค้นคว้าสารแคโรทีนอยด์ที่ชื่อว่า Astaxanthin ซึ่งผลิตได้จากไมโครแอลจีที่มีชื่อว่า Haematococcus pluvialis ว่ามีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าเบตา-แคโรทีน (โปรวิตามิน A) และวิตามิน E (Miki, 1991)
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้ Astaxanthin ที่อยู่ในรูปของเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์จะมีริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดจากรังสี UV ลดลง ดังนั้นจึงสรุปว่า Astaxanthin มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ช่วยลบเลือนริ้วรอย และสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังจากรังสี UV ได้


ตารางแสดงประโยชน์ของ Astaxanthin ดูแลรักษาสุขภาพผิวได้หลายวิธีดังนี้
ประโยชน กระบวนการ เครื่องสำอาง รับประทาน
1. เพิ่มความสามารถของผิว ในการปกป้องสารที่จำเป็น สำหรับผิว ฟื้นฟูสมดุล ของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ตามธรรมชาติ (SOD, CAT, GSH) ป้องกันการเกิด lipid peroxidation / /
2. ลดรอยผื่นแดง ยับยั้งกระบวนการอักเสบ / /
3. ปกป้อง และลดริ้วรอย ที่เกิดจากรังสี UV
- เพิ่มความเต่งตึง และความยืดหยุ่นให้กับผิว
- เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ปกป้องเซลล์ผิวจากสารอนุมูลอิสระ ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวชั้นคอลลาเจนเป็นไปอย่างปกติ / /

สุขภาพผิวที่ดีจากการรับประทานอาหาร
“สวยจากภายใน” หรือการบำรุงผิวด้วยโภชนาการและอาหารเสริม เป็นแนวโน้มที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น
จาก การวิจัย(Yamashita 2002) โดยทำการทดลองกับผู้หญิงจำนวน 8 คนที่มีผิวแห้ง (อายุเฉลี่ย 40 ปี) ทานอาหารเสริมที่มี Astaxanthin 2 มิลลิกรัม และ tocotrienol ธรรมชาติ (Super vitamin E) 40 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวัน จากนั้นทำการเก็บข้อมูลในสัปดาห์ที่ 2 และ 4 และนำไปเปรียบเทียบกับค่าเริ่มต้นก่อนใช้ พบว่าความแตกต่างสามารถวัดได้ภายใน 2 สัปดาห์ และ 4 สัปดาห์ พบว่าผู้ทดลองที่มีผิวแห้งมีการปรับปรุงสภาพผิวดังนี้: ระดับความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น (P<0.05) ,ปริมาณน้ำมันตามธรรมชาติที่ผิวคงที่ และริ้วรอยลดลง และ พบว่าสิวเสี้ยนน้อยลง (P<0.01)


รูปที่ 1 อาหารเสริมเพื่อความงามมีผลช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวบริเวณแก้มและตา (Yamashita, 2002)

รูปที่ 2 ภาพขยายของผิวหนังเมื่อเริ่มต้นทดลอง, สัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 4
(Yamashita, 2002)
จากภาพจะเห็นได้ชัดว่าริ้วรอยมีการลดลงอย่างชัดเจน




Yamashita (2006) ได้ทำการศึกษาทดลองผู้หญิงที่มีลักษณะผิวหลายรูปแบบจำนวน 49 คนอายุเฉลี่ย 47 ปี โดยได้รับ Astaxanthin 4 มิลลิกรัม (2×2 มิลลิกรัม) และยาหลอก หลังจากสัปดาห์ที่ 6 พบว่าผู้ที่รับประทาน Astaxanthin 4 มิลลิกรัมต่อวันมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้นโดยการสอบถามข้อมูล (รูปที่ 3)

รูปที่ 3 ผลการสอบถามอาสาสมัคร หลังจากรับประทานอาหารเสริม Astaxanthin 6 สัปดาห์ จากการสอบถามอาสาสมัคร(Yamashita, 2006)

จากกราฟพบว่าผู้ที่ทานอาหารเสริมจะมีสุขภาพผิวที่ดีขึ้น


การทดสอบสภาพผิวด้วยเครื่องมือ พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมนั้นสุขภาพผิวดีขึ้นดังนี้ ความชุ่มชื้น (P<0.05) และความยืดหยุ่นของผิวดีขึ้น (P<0.05) นอกจากนี้การทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแสดงให้เห็นว่ากลุ่มที่ รับประทานอาหารเสริมจะมีริ้วรอยลดลง (P<0.05) และความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มขึ้น (P<0.05) ในช่วงระหว่างสัปดาห์ที่ 3 และ 6 (รูปที่ 4) ซึ่งผลที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนเนื่องจากการฟื้นฟูผิวหนังจะเริ่มในสัปดาห์ ที่ 4-5 และจะเพิ่มสูงสุดในสัปดาห์ที่ 6 ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า Astaxanthin สามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวได้

รูปที่ 4 แสดงการวิเคราะห์ความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านผิวหนังในสัปดาห์ที่ 3 และ 6 ของการรับประทานอาหารเสริม Astaxanthin (Yamashita, 2006)

กลไกการทำงานผิวหนัง ประกอบด้วยชั้นต่างๆ สามชั้นได้แก่ หนังกำพร้า, ผิวหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ชั้นผิวหนังแท้ประกอบด้วยคอลลาเจน อิลาสติน และเนื้อเยื่ออื่นๆ ที่ค้ำจุนโครงสร้างของผิว และยังเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ผิวหนังเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ สามารถถูกทำลายได้ด้วยรังสี UV
การป้องกันริ้วรอย รังสี UV ที่ส่งผลกระทบกับผิวมีอยู่สองรูปแบบได้แก่ รังสี UVA และ UVB รังสี UVB นั้นมีความยาวคลื่นสั้นกว่ารังสี UVA และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรอยไหม้ของผิวและการผลิตเม็ดสีเมลานิน แต่รังสี UVA ที่มีความยาวคลื่นยาวกว่าเป็นสาเหตุหลักของการแก่ก่อนวัย รังสี UVA นั้นทะลุทะลวงเข้าไปในชั้นหนังแท้ ทำลายเนื้อเยื่อคอลลาเจนทำให้เกิดริ้วรอย (รูปที่ 5)


รูปที่ 5 ภาพแสดงผลกระทบของรังสี UVA, UVB และโอโซนที่มีผลต่อผิวหนัง

รังสี UV ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระและสารที่มีชื่อว่า matalloproteinases (MMP) ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้เกิดริ้วรอยเพราะสารทั้งสองจะไปทำลายคอลลาเจนที่ชั้นผิว โชคดีที่ผิวจะมีกลไกในการซ่อมแซมคอลลาเจนที่ถูกทำลาย แต่การได้รับรังสี UV ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ซึ่งทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระและ matalloproteinases (MMP) ปริมาณมาก จะมีผลต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอย การมี Astaxanthin สามารถลดสารอนุมูลอิสระและปริมาณ matalloproteinases (MMP) และทำให้การสร้างเซลล์ใหม่มีความสมบูรณ์ ริ้วรอยลดลง (รูปที่ 6)

รูปที่ 6 ภาพแสดงการกำจัดสารอนุมูลอิสระโดยใช้ Astaxanthin ช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่

Astaxanthin ปกป้องผิวจากจากสารอนุมูลอิสระ
ออกซิเจน ในเซลล์สามารถก่อตัวเป็นสารอันตรายที่เรียกว่า สารอนุมูลอิสระ (ROS) หรือแอกทีฟออกซิเจนได้ ถ้าได้รับพลังงานจากรังสี UV มากพอ สารเหล่านี้ได้แก่ สารออกซิเจนโมเลกุลเดียว ซุปเปอร์ออกไซด์ และ ไฮดรอกซิล (ทำให้เกิดสารเปอร์ออกซิล) สารเหล่านี้พยายามที่จะแย่งอิเลกตรอนจากโมเลกุลข้างเคียงเพื่อทำให้ตัวเอง เสถียรเช่น DNA, ฟอสโฟลิพิด เอนไซม์ และโปรตีน
Astaxanthin สามารถจับตัวกับออกซิเจนโมเลกุลเดียวเหล่านี้ และสามารถยับยั้งการเกิด lipid oxidation ดีกว่าสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ มาก และควบคุม ROS ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

การต่อต้านการอักเสบรอย ผื่นแดงหรืออาการอักเสบที่เกิดขึ้นหลังจากการสัมผัสกับแสงแดด สามารถควบคุมได้โดยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ Yamashita (1995) แสดงให้เห็นจากการทดลองกับผู้ชายจำนวน 7 คน ที่ใช้ Astaxanthin ธรรมชาติทาที่ผิว พบว่าระดับของรอยบวมแดงที่เกิดจากแสงแดดลดลงอย่างชัดเจนถึง 60% ในชั่วโมงที่ 98 หลังจากสัมผัสแสง UVB ขณะนี้เราทราบว่า Astaxanthin ทำงานโดยยับยั้งตัวกลางที่ก่อให้เกิดการอักเสบและCytokines ผ่านทาง IkB kinase โดยขึ้นกับ NF-kB activation pathway (Lee et al., 2003)

ความปลอดภัยในการใช้กับเครื่องสำอางและอาหารเสริม
Astaxanthin ปลอดภัยสำหรับการใช้เป็นเครื่องสำอาง จากจำนวนผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมด 45 คน (ทั้งชายและหญิง) ที่รับการทดสอบ Standard Japanese Patch พร้อมรายงานผลในเวลา 24-48 ชั่วโมงหลังการทดสอบ ผิวชั้นนอกนั้นเกิดอาการเนื่องจากพลาสเตอร์กาวเท่านั้น ไม่มีอาการที่เกิดจาก Astaxanthin แต่อย่างใด (Seki et al. 2002) นอกจากนี้ Koura (2005) ยังพบว่าไม่มีอาการทางลบใดๆ ในการสอบ Sensitization ในสัตว์

Astaxanthin อยู่ในรายการ JP Cosmetics และรายชื่อ INCI ในชื่อว่า Haematococcus pluvialis extract
โดยทั่วไปวิธีที่จะลดริ้วรอยก่อนวัยที่เกิดจากแสงแดดนั้น คือ การหลีกเลี่ยงให้ห่างไกลจากแสงแดดและการใช้ครีมกันแดดในการปกป้องผิว แต่อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปคนเราไม่สามารถปกป้องผิวได้อย่างดีพอ ดังนั้นการใช้สารแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ Astaxanthin สำหรับใช้เป็นเครื่องสำอางและเป็นอาหารเสริมจะมีคุณสมบัติในการช่วยลดริ้ว รอยก่อนวัยอันควร


โฉมใหม่ สูตรเดิม !!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น