Swanson Ultra Alpha Lipoic Acid- 300 mg/ 120 Caps

กรดอัลฟาไลโปอิคขจัดสารพิษในตับ ทำให้ผิวบริสุทธิ์ เสริมประสิทธิภาพกลูต้าไธโอน

ราคา: 720 บาท

กรดอัลฟาไลโปอิคทำความสะอาดและทำ ให้ผิวบริสุทธิ์ โดยการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ขจัดสารพิษในตับ ช่วยรักษาการอักเสบไม่ให้สิวนั้นอักเสบลุกลามมากไป เพิ่มประสิทธิภาพให้กลูต้าไธโอน ขาวไวกว่าเดิม 5 เท่า ลด ฝ้า กระ ได้ด้วย ปรับเม็ดสี ยับยั้งการเกิดเม็ดสีเมลานิน เติมเต็มคอลลาเจนให้กับเซลผิว เพื่อให้เห็นผลไวยิ่งขึ้นควรทานคู่กับ Vit C1000 และ L-Glutathion อีกทั้งควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาผู้ป่วยเบาหวาน

วิธีรับประทาน: ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร วันละ 1-2 เวลา

Code: SWU190

Swanson Ultra Alpha Lipoic Acid- 300 mg/ 120 Caps
  • Ultra-potent support for healthy glucose metabolism
  • Possesses quality antioxidant properties that rejuvenate other antioxidants
  • Great metabolic support for those on special diets

Product Description:

Alpha Lipoic Acid

"These capsules are nice and small, so easy to swallow. I take 1 capsule (300mgs) twice a day. They really do support healthy glucose metabolism! I'm very pleased with my lab results." ~product review by LadyL46
For high-powered antioxidant protection and effective metabolic support, our ultra-potent 300 mg alpha lipoic acid capsules are an excellent choice. A powerful free radical fighter that enhances the activity of other antioxidants like vitamins C and E, alpha lipoic acid can be especially helpful for promoting healthy carbohydrate metabolism for people on restricted diets.
FAQ
Q: Does this product contain only the R isomer?
A: It is a blend of both R and S isomers.

Product Label:

Alpha Lipoic Acid

Supplement Facts

Serving Size 1 Capsule
Amount Per Serving% Daily Value
Alpha-Lipoic Acid300 mg*
*Daily Value not established.
Other ingredients: Gelatin, calcium laurate, microcrystalline cellulose (plant fiber), silica.
Suggested Use: As a dietary supplement, take one capsule one to two times per day with water.

กรดอัลฟาไลโปอิก ได้รับขนานนามว่าเป็น “Universal Antioxidant” เนื่องจากเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่แรง และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่นๆ เช่น วิตามินซี, อี, L-Glutathione หรือ Co-enzyme Q10 ให้กลับมาอยู่ในรูปที่ใช้งานได้อีก หลังจากที่ใช้ในการกำจัดอนุมูลอิสระไปแล้ว ด้วยคุณสมบัติของกรดอัลฟาไลโปอิก คือ สามารถละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน สามารถซึมผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าไปในชั้นลึกสุดของเซลล์ระดับ DNA จึงสามารถแทรกซึมไปชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ทั่วเซลล์ในร่างกาย ในขณะที่สารต้านอนุมูลอิสระชนิดอื่นๆ เช่น CoQ10 ที่ ละลายได้เพียงในส่วนน้ำมันในร่างกาย ทำให้กรดอัลฟาไลโปอิคมีคุณสมบัติเหนือกว่า CoQ10 4-5 เท่า และมีฤทธิ์แรงกว่า วิตามินE และวิตามินC 50 เท่า
กรด อัลฟาไลโปอิก เป็นสารอาหารประเภทแอนตี้อ๊อกซีเด๊นซ์ที่มีลักษณะคล้ายวิตามิน โดยทำหน้าที่เป็น Coenzyme ในขบวนการเผาผลาญน้ำตาล และสารอาหารอื่นๆ ให้เป็นพลังงาน โดยปกติร่างกายเราสามารถสังเคราะห์กรดอัลฟาไลโปอิคได้เองอยู่แล้วในปริมาณคง ที่ ซึ่งร่างกายเราผลิตได้ในจำนวนที่เพียงพอต่อการช่วยไมโตคอนเดรีย เปลี่ยนกลูโคสไปเป็นพลังงานเท่านั้น ไม่ได้ผลิตให้เหลือพอที่จะใช้ต่อต้านความเสื่อมชราของเซลล์ หรือเพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย
กรดอัลฟาไลโปอิก เป็นเพียงสารต้านอนุมูลอิสระตัวเดียวที่สามารถกระตุ้นให้มีการสร้าง L-Glutathione ในเซลล์ จึงทำให้ระดับของ L-Glutathione ในร่างกายเพิ่มขึ้นได้ เพราะฉะนั้น กรดอัลฟาไลโปอิก จะเป็นตัวที่ช่วยเสริมฤทธิ์ L-Glutathione ได้ดีที่สุดในบรรดาสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ

กรดแอลฟาไลโปอิค (Alpha lipoic acid–ALA) คืออะไร ?

กรดแอลฟาไลโปอิค ( Alpha lipoic acid –ALA ) หรือชื่อพ้องว่ากรดไทออกติก (Thioctic acid), เมต้าวิตามิน (meta vitamin) เป็นกรดไขมัน ต้านอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายสร้างได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือภาวะอ่อนแอ ทำให้การสร้างลดลง
ALA พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด มีปริมาณเล็กน้อย สามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้สูง และช่วยซ่อมสร้างวิตามินซี และอี ตลอดจนโปรตีนที่ถูกอ็อกซิไดส์ได้ด้วย
มี คุณสมบัติพิเศษคือ ละลายได้ทั้งในน้ำ และน้ำมัน จึงสามารถดูดซึม แทรกซึมเข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกาย ตลอดจนผ่านแนวกั้นในสมอง (blood brain barrier) ได้ดี ทำให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
พบ ALA ได้ในมันฝรั่ง เนื้อแดง เครื่องใน ยีสต์ ผักโขม ผักปวยเล้ง และตับ แต่อาจไม่เพียงพอเพื่อผลการรักษา บางคนจึงต้องใช้เสริมจากภายนอกในการบำบัดโรคต่างๆ
กรดแอลฟาไลโปอิค (Alpha lipoic acid–ALA)ทำหน้าที่อะไร

1. Alpha lipoic acid มีขนาดโมเลกุลและภาวะแขนคู่ ที่เคลื่อนตัวได้คล่อง และพร้อมให้อิเลคตรอนได้ง่าย ทำให้ละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูง อีกทั้งช่วยส่งเสริม หรือซ่อมสารต้านอนุมูลอิสระตัวอื่น เช่น วิตามินซี วิตามินอี กูลตาไธโอน โคคิวเทน ให้กลับมาใช้งานซ้ำได้ หรือเป็นสารทดแทนกรณีสารต้านอนุมูลอิสระใดขาดแคลนไป มีบทบาทได้ทั้งภายในเซลล์ และที่เยื่อหุ้มเซลล์
2. Alpha lipoic acid ทำงานส่งเสริมอินซูลิน ในการช่วยกวาดเก็บ นำมาใช้ และเก็บกักน้ำตาลในเลือด มีการศึกษาที่แสดงว่า oxidative stress มีผลในการเกิดอาการดื้อต่ออินซูลิน ที่เซลล์กล้ามเนื้อ แต่เมื่อเซลล์ได้รับ ALA จะได้รับการปกป้องจากอนุมูลอิสระได้ ALA ช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานตอบสนองต่ออินซูลิน
บทบาทที่เพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน ต่อน้ำตาลในเลือด ทำให้ใช้บำบัดผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน
3. Diabetic neuropathy ประสาทถูกทำลายเนื่องจากเบาหวาน จากน้ำตาลในเลือดสูง หรือ oxidation ต่อเส้นประสาทนั้น วิตามิน B12 ช่วยไม่ได้มาก แต่ Alpha lipoic acid ใช้ได้ผลดีจากการที่ ALA มีส่วนร่วมในเมตาโบลิซึมของพลังงาน ช่วยการไหลเวียนเลือดตามหลอดเล็กๆ (เช่น เส้นที่ไปเลี้ยงเส้นประสาท) ดีขึ้น แล้วยังช่วยให้การใช้น้ำตาลในเลือดดีขึ้นด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ นอกจาก ALA แล้ว ก็ยังมีวิตามินอี และ Capsaicin ที่ได้จากพริก
ALA มักเป็นแคปซูล ขนาด 100 – 200 มก. แต่ขนาดที่ควรใช้คือ 600 – 800 มก. มีการศึกษาระบุว่าควรทาน 1800 มก.x 3 สำหรับกรณีที่รุนแรงเช่นนี้
ประโยชน์ หลักของ Alpha lipoic acid คือ ใช้รักษาอาการปวดและชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า จากระบบประสาทถูกทำลาย ซึ่งอาจเกิดจากอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ประสาท เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ เกิดการเติมออกซิเจน (oxygenation) รวมทั้งอาการประสาทเสื่อมจากเบาหวาน ต้านการอักเสบ
4. Alpha lipoic acid จับตัวกับโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ตะกั่ว แคดเมียม สารหนู ปรอท แล้วขับออกจากร่างกาย (Chelation) อีกทั้งคุณสมบัติที่ซึมผ่านแนวกั้นสมองได้ทำให้เชื่อว่าน่าจะมีบทบาทเข้าไป ช่วยนำโลหะหนักออกมาขับทิ้ง ผ่านตับ หรือไตได้
5. คุณสมบัติที่เพิ่มระดับกลูตาไธโอนในตับ ช่วยให้ตับขับล้างสารพิษตกค้าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยบำรุงตับให้แข็งแรง
6. Alpha lipoic acid ทำงานร่วมกับเอนไซม์ในร่างกาย เพื่อเร่งกระบวนการสร้างพลังงาน และจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรง ช่วยให้อนุภาคที่ไม่เสถียร และเป็นผลร้ายต่อร่างกาย มีสภาพเป็นกลาง
ช่วยควบคุมระดับของธาตุเหล็ก และทองแดงซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นของร่างกายให้อยู่ในระดับที่พอดี
7. Alpha lipoic acid ช่วยปกป้องตับมิให้ถูกอนุมูลอิสระทำลาย ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย มีการใช้สารนี้รักษาตับอักเสบ ตับแข็ง และโรคตับอื่นๆ รวมทั้งสารพิษตะกั่ว หรือโลหะหนักอื่นๆ และสารเคมีจาก อุตสาหกรรม เช่น carbon tetrachloride
8. ในสัตว์ทดลองยังพบประโยชน์ของ Alpha lipoic acid ช่วยยับยั้งต้อกระจก เพิ่มความจำ และปกป้องเซลล์สมองจากการขาดเลือด
มีบางข้อมูลชี้ว่า ALA ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสจากคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน และการทำงานของตับ ช่วยชะลอการเกิดหลอดเลือดแข็งตัว ซึ่งมักพบในผู้ป่วยเบาหวาน
9. การศึกษาผลของ Alpha lipoic acid ในอัลไซเมอร์ และพาร์คินสัน บ่งชี้ว่า ALA น่าจะมีประโยชน์
10. ตลอดจนใช้คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเรื่องอ่อนเพลียเรื้อรัง สะเก็ดเงิน ซึ่งรุนแรงจากอนุมูลอิสระ
11. พบว่า Alpha lipoic acid ช่วยป้องกันการกระตุ้นอองโคยีน (oncogene) ซึ่งเป็นยีนควบคุมการเกิดมะเร็ง จากอนุมูลอิสระ และสารก่อมะเร็ง
12. การให้ Alpha lipoic acid ชนิดออกฤทธิ์ช้าๆ ช่วยลดอาการปวดแสบร้อนในปาก เหมือนกินพริก เข้าใจว่าอารมณ์แปรปรวนในวัยทอง การลดลงของฮอร์โมน หรือมีโรคของระบบประสาท หนึ่งในสามเกิดหลังทำฟัน การติดเชื้อยีสต์ (candida albicans) การขาดวิตามินบีต่างๆ และสังกะสี
การให้ ALA ชนิดออกฤทธิ์ช้าๆ ช่วยลดอาการได้
เข้าใจว่า ALA ไปทำลายอนุมูลอิสระที่กดดันประสาท และเพิ่มความเร็วของสัญญาณประสาท
ALA เคยใช้กับการเจ็บปวดร้าวของประสาทไซอาติก (sciatic pain) ได้ผล จึงนำมาใช้กับอาการแสบร้อนในปาก
มีการทดลองให้ ALA เทียบกับยาหลอก พบว่า 97% มีอาการดีขึ้น, 74% ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด, 13% หายขาด, 10% ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่กลุ่มยาหลอกมีอาการดีขึ้นเพียงเล็กน้อย 40% การติดตามผล 1 ปีให้หลัง พบว่ากลุ่มที่ได้ ALA 3 ใน 4 มีอาการดีขึ้นในระดับที่ดี ส่วนกลุ่มยาหลอกกลับมีอาการแย่ลง
13. Alpha lipoic acid อาวุธใหม่ในการลดน้ำหนัก มีงานวิจัยว่า ALA มีผลอย่างไรกับเอนไซม์ APK (activated protein kinase enzyme) ซึ่งพบในสมองส่วนไฮโปทาลามัส น่าจะมีหน้าที่สำคัญต่อความอยากอาหาร APK เพิ่มขึ้นเมื่อ เซลล์ต้องการพลังงานมากขึ้น ซึ่งอาจไปเพิ่มความอยากอาหาร
คนอ้วน ส่วนมากไม่ตอบสนองต่อ Leptin ซึ่งนำมาใช้เป็นฮอร์โมนต่อต้านความอ้วน แต่ ALA พอที่จะให้ความหวังได้ โดยสัตว์ทดลองมีอัตราเผาผลาญสูงขึ้นด้วย กลูโคสและไขมันถูกเผาผลาญมากขึ้น
ในกรณีเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน ย่อมดีขึ้น โดยลดการสะสมของไขมันที่กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมัน
ที่ไมโตคอนเดรีย เป็นตำแหน่งที่ ALA ทำงานในฐานะปัจจัยร่วม(Co factor)ในการย่อยกลูโคสและไขมัน
ALA เป็นตัวช่วยวิตามินทุกชนิด เช่น ไทอะมีน ไรโบฟลาวิน กรดแพนโธทีนิค และไนอาซิน ในการเปลี่ยนคาร์โบฮัยเดรท โปรตีน และไขมันจากอาหารให้กลายเป็นพลังงาน
ALA เป็นปัจจัยสำคัญใน internal cellular burn หรือการเผาผลาญภายในไมโตคอนเดรีย จึงช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญของเซลล์ เพิ่มพลังงาน และความสามารถในการซ่อมแซมของเซลล์
14. โรคประสาทที่ไม่ได้มาจากเบาหวาน ALA ก็น่าจะมีบทบาทจากการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวยง อีกทั้งไปเพิ่มระดับกลูตาไธโอนภายในเซลล์ ทำให้ช่วยซ่อมเซลล์ประสาทที่ถูกทำลายเสียหายให้ฟื้นกลับมาใหม่
การไม่เป็นพิษของ กรดแอลฟาไลโปอิค (Alpha lipoic acid–ALA) จึงน่าจะผสมผสานเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมโภชนาการ ร่วมกับวิตามินบีรวม แมกนีเซียม และกรดไขมันจำเป็น ยังแนะนำให้ใช้ ALA ในโรค multiple sclerosis อาการพิษจากโลหะหนัก, ต้อกระจก และต้อหิน โรคตับจากพิษสุรา

ขนาดและวิธีใช้ Alpha Lipoic Acid

การใช้ปริมาณเล็กน้อย วันละ 20 – 150 มก. มักไม่มีผลข้างเคียงใดๆ
ขนาด ที่ใช้แก้ปัญหาคือ 100 – 200 มก. X 3 ครั้ง / วัน ควรค่อยๆ เพิ่มจากน้อยไปหามาก การใช้ปริมาณมากในทันที อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ ท้องไส้ปั่นป่วน หรือเกิดผื่นแดงตามผิวหนังได้บ้าง หากมีอาการก็ให้ลดขนาดหรือหยุดใช้ได้ แต่ก็น่าจะแสดงว่าร่างกายสนองต่อผลการรักษา
ข้อพึงระวัง: ยังไม่เคยมีการทดสอบในหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร การใช้ปริมาณสูงจึงควรระวัง
อาจเสริมฤทธิ์ของกรด แกมมา–ไลโนเลนิค (GLA) และ / หรือ acetyl–L–carnitine ให้ผลดีมากยิ่งขึ้น ลดน้ำตาลในเลือดมากขึ้นทำให้อาจต้องลดขนาดยาที่ใช้
อาจออกฤทธิ์ร่วมกับ T4 ไปชะลอการเปลี่ยนเป็น T3 จึงควรทานห่างกันหลายชั่วโมง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น