Swanson Premium Folic Acid 800 mcg/ 250 Caps

กรดโฟลิค จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ป้องกันการพิการของเด็กทารกแรกเกิด ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด


ราคา: 360 บาท
  • กรดโฟลิคจำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ก่อนคลอด ลดความเสี่ยงการเกิดข้อบกพร่องของสมองหรือไขสันหลัง ของทารกในครรภ์ได้
  • ส่งเสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด โดยลดการเกิด Homocysteine นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง

วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร

Code: SW035

Swanson Premium Folic Acid 800 mcg/ 250 Caps
  • Essential for prenatal health
  • A B-complex vitamin that also promotes cardiovascular health by helping to neutralize homocysteine
  • U.S. Public Health Service reports that 400 mcg may reduce the risk of a woman having a child with birth defects of the brain or spinal chord

Product Description:

Folic Acid

"These folic acid tablets are a great value. Folic acid is so important for so many function, with no known side effects. I have used Swanson's brand for several years. The quality and price are great." ~ product review by nanz
Vital nutrition for heart-health and more! Swanson Folic Acid not only delivers valuable protection for the cardiovascular system by helping neutralize homocysteine, it also plays an essential role in prenatal nutrition. According to the U.S. Public Health Service, a healthful diet supplying 400 mcg of folic acid per day may reduce a woman's risk of having a child with birth defects of the brain or spinal cord. Our convenient capsules are a great way to ensure that you get a healthy supply of folic acid every day.

Product Label:

Folic Acid

Supplement Facts

Serving Size 1 Capsule
Amount Per Serving% Daily Value
Folic Acid800 mcg200%
Other ingredients: Rice flour, gelatin.
Suggested Use: As a dietary supplement, take one capsule per day with water.

กรดโฟลิก (โฟเลต,โฟลาซิน) หรือ วิตามินบี9 หรือรู้จักกันในชื่อ วิตามินเอ็ม หรือ วิตามินบีซี (Bc) จัดอยู่ในกลุ่มของ วิตามินบีรวม มีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัม (มคก. หรือ mcg.) มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญ โปรตีน มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการสร้าง กรดนิวคลีอิก และมีความจำเป็นต่อการแบ่งตัวของเซลล์ นอกจากนี้ร่างกายต้องใช้ในกระบวนการใช้น้ำตาลและกรดอะมิโน โดยกรดโฟลิกนั้นถูกทำลายได้ง่ายด้วยอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานเกินไป

แหล่ง ที่พบกรดโฟลิกตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แครอท แคนตาลูป ฟักทอง เอพริคอต อะโวคาโด อาร์ติโช้ก ถั่ว แป้งไรย์แบบสีเข้มที่ไม่ผ่านการขัดสี ทอร์ทูลายีสต์ เป็นต้น

ผลเสีย ของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีอาการที่เป็นพิษต่อร่างกาย หากรับประทานในปริมาณมากติดต่อกัน แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการผื่นแพ้ได้บ้าง และหากร่างกายมีกรดโฟลิกมากเกินไป อาจทำให้เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดวิตามินบี 12 ไม่แสดงออกมา โดยศัตรูของกรดโฟลิก ได้แก่ น้ำ กระบวนการแปรรูปอาหาร (โดยเฉพาะการต้ม) แสงแดด ความร้อน ยาในกลุ่มซัลฟา ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโรคที่เกิดจากการขาดกรดโฟลิก ได้แก่ โรคโลหิตจางแบบแมโครไซติก หรือเม็ดเลือดแดงมีขนาดใหญ่ผิดปกติ

ประโยชน์ของกรดโฟลิก

+ ช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการอ่อนเพลีย
+ กรดโฟลิกช่วยป้องกันแผลร้อนในได้
+ ช่วยรักษาภาวะซีดหรือโลหิตจาง
+ ทำงานออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวด
+ ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพ
+ ช่วยป้องกันพยาธิในลำไส้และอาการแพ้จากอาหารเป็นพิษ
+ ช่วยป้องกันการพิการของเด็กทารกแรกเกิด
+ ช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
+ วิตามินบี9ช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลง หากรับประทานร่วมกับ พาบา และ วิตามินบี 5
+ ช่วยลดระดับของกรดอะมิโนโฮโมซิสเทอีนในเลือด
+ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้ โดยลดการเกิด Homocysteine เป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผนังด้านในของหลอด เลือดโดยตรง นำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด และหลอดเลือดสมอง ส่งผลให้มีอาการ อัมพฤกษ์หรืออัมพาต
+ ช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการขาดกรดโฟลิคมากที่สุด คือ
1. หญิงตั้งครรภ์ คนที่รับประทาน กรดโฟลิค ไม่เพียงพอ
2. กลุ่มทารก เด็กที่กำลังเจริญเติบโต
3. ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ (น่าจะเป็นเหตุให้มีลูกยากขึ้น)

อาการการขาดกรดโฟลิค...
1. โลหิตจางที่มีขนาดเม็ดเลือดแดงใหญ่กว่าปกติ (Megaloblastic Anemia) ภาวะโลหิตจางชนิดนี้เกิดขึ้น เพราะมีการปล่อยเม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ออกมาในกระแสเลือด เนื่องจากมีเม็ดเลือดแดงที่ไม่โตเต็มที่ไม่เพียงพอ (เม็ดเลือดแดงที่โตไม่เต็มที่ จะมีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดงปกติที่โตเต็มที่แล้ว)

2. ความพิการทางสมอง (Neural tube defect) เป็นความผิดปกติในการสร้าง หลอดประสาท มีผลต่อไขสันหลังและสมอง เกิดขึ้นในระยะแรกของการพัฒนาเป็นตัวอ่อนในครรภ์ ในช่วงนี้มีการเปลี่ยนแปลงในตัวอ่อน เพื่อพัฒนาเป็นไขสันหลัง ประสาทและสมอง ขณะเดียวกันกระดูกส่วนสันหลังจะค่อย ๆ เจริญออกมาล้อมรอบไขสันหลัง ซึ่งในช่วงที่ร่างกายกำลังพัฒนานี้ เกิดความผิดปกติขึ้น จะทำให้เกิดปัญหาได้ ภาวะรุนแรงที่สุด คือสมองทั้งหมดขาดหายไป (Anencephaly) ที่พบบ่อยที่สุด คือ กระดูก สันหลังไม่ยื่นมาเชื่อมเป็นวงแหวน เพื่อจะโอบล้อมไขสันหลัง ทำให้ของเหลวในไขสันหลังดันช่องกระดูก สันหลังที่ปิดไม่สนิทนี้โป่งออกมา เรียกว่า Spina Bifida ซึ่งความพิการทางสมองนี้ เกิดจากการขาด
3. ภาวะมีสารโฮโมซีสเตอีนสูงเกินปกติ (Homocysteinemia) ภาวะนี้เกิดเนื่องจาก การเพิ่มขึ้นของปริมาณสารโฮโมซีสเตอีนในกระแสเลือด เชื่อว่าโฮโมซีสเตอีนนี้ จะยับยั้ง Cross-linking ระหว่างการสร้าง elastin และ collagen เพิ่มการสร้าง prostaglandin ในเกร็ดเลือดและหลอดเลือด มีการกระตุ้น coagulation factors จนมีการทำลายหลอดเลือดในที่สุด ซึ่งการเพิ่มขึ้นของโฮโมซีสเตอีนนี้จะมี ความสัมพันธ์กับการเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ไขมันอุดตันในหลอดเลือดสมอง เกิดภาวะ เลือดแข็งตัวเป็นก้อนอุดตันทางเดินของกระแสเลือดในเส้นเลือดบริเวณรอบนอกตาม แขนขาและอาจส่ง ผลให้เกิดภาวะโคเลสเตอรอลสูง โรคความดันโลหิตสูงหรือโรคเบาหวาน

Folic acid มีประโยชน์อะไร?
ก่อนการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์ 3 เดือนแรกหญิงมีครรภ์ควรได้รับ folic acid เนื่องจากวิตามินนี้สามารถป้องเกิดความบกพร่องทางสมองและประสาทไขสันหลังได้ (called neural tube defects {NTDs}] และยังป้องกันปากแหว่ง และเพดานโหว่ได้ แนะนำให้หญิงที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ได้รับอาหารที่มีคุณภาพ และอุดมไปด้วย folic acid เช่น น้ำส้ม ผักใบเขียว ถั่ว ธัญพืช และควรได้รับเสริมวันละ 4 มิลิกรัมก่อนการตั้งครรภ์ 1 เดือนจน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์


คำแนะนำในการรับประทานกรดโฟลิก
* ขนาดที่แนะนำให้รับประทานคือประมาณ 180 – 200 ไมโครกรัม ต่อวัน และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรเพิ่มขนาดเป็น 2 เท่า ส่วนหญิงให้นมบุตรควรรับประทาน 280 ไมโครกรัม ในช่วง 6 เดือนแรก และ 260 ไมโครกรัม ในช่วง 6 เดือนหลัง
* กรดโฟลิก ในรูปแบบอาหารเสริม มีวางจำหน่ายตั้งแต่ปริมาณ 400 – 800 ไมโครกรัม ส่วน 1,000 มิลลิกรัม ต้องซื้อโดยใช้ใบสั่งของแพทย์เท่านั้น
* โดยทั่วไปกรดโฟลิกจะมีผสมอยู่ในรูปแบบของ วิตามินบีรวม ประมาณ 100 ไมโครกรัม ไปจนถึง 400 ไมโครกรัม
* คุณควรเลือกซื้ออาหารเสริมที่มีทั้งโฟเลตและวิตามินบี12 อยู่ด้วยกัน
* โดยขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 400 – 5,000 ไมโครกรัม ต่อวัน
* ผู้หญิงควรรับประทานกรดโฟลิกและ วิตามินบี6 ให้เพียงพอ กรดโฟลิกเพียง 400 ไมโครกรัม วิตามินบี6 เพียง 2-10 มิลลิกรัม ก็สามารถลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลันได้ถึงร้อยละ 42
* ผู้ที่รับประทานกรดโฟลิก 1,000 – 5,000 ไมโครกรัม ทุกๆวัน จะช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอได้
* สำหรับผู้ที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
* สำหรับผู้ที่รับประทานวิตามินซีมากกว่า 2,000 มิลลิกรัม ต่อวัน ควรรับประทานกรดโฟลิกเสริมด้วย
* สำหรับผู้ที่รับประทานยากันชักไดแลนติน ฮอร์โมนเอสโทรเจน ซัลโฟนาไมด์ แอสไพริน ฟีโนบาร์บิทอล ควรได้รับกรดโฟลิกเสริม
* สำหรับผู้ที่ป่วยหรือร่างกายกำลังต่อสู้กับโรคใดๆอยู่ อาหารเสริมที่รับประทานควรจะมีกรดโฟลิกอยู่ด้วย เพราะจะช่วยเสริมแอนติบบอดีในร่างกาย
* การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมาก อาจมีผลกระทบต่อยาต้านมะเร็งบางชนิด
* การรับประทานกรดโฟลิกในปริมาณมากอาจทำให้คนไข้โรคลมชักที่รับประทานยาฟีโนโทอินอยู่เกิดอาการชักได้

อ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น