Swanson EFAs 100% Pure Krill Oil – 500 mg/ 60 Sgels

น้ำมันคริลล์ ออยล์ บำรุง+ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด พัฒนาระบบประสาทและชะลอการเสื่อมของสมอง

ราคา: 850 บาท

น้ำมันคริลล์ (Krill Oil) อุดมด้วย Omega-3 เป็น Phospholipid ที่สำคัญต่อการสร้างและปกป้องเซลล์ ละลายในน้ำได้ จึงดูดซึมได้ดีกว่า Fish oil ทั่วไป และไม่เหม็นคาวเหมือน Fish Oil อีกทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระแคโรทีนอยด์ประสิทธิภาพสูง และแอสต้าแซนทิน รวมทั้ง EPA & DHA ที่มีโครงสร้างพิเศษที่ดีต่อเซลล์สมองและเยื่อหุ้มเซลล์ ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดการปวดและอาการข้อติดขัด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• มี EPA และ DHA ที่ดูดซึมสู่เยื่อหุ้มเซลล์ได้ดี และ omega-3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย
• Krill oil ลิขสิทธิ์โดย SUPERBA™ ที่มาจากคริลล์ใต้มหาสมุทรแอนตาร์คติคโดย ECO-HARVESTING™ Aker Biomarine Antarctic AS เป็นผู้คัดสรรวัตถุชั้นดี ซึ่งโดดเด่นด้านเทคโนโลยีชีวภาพพร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ Krill oil เป็น Krill oil บริสุทธิ์ คุณภาพสูง ที่อุดมด้วย ฟอสโฟไลปิด Omega-3s, แอสตาแซนธิน และสารอาหารบริสุทธิ์จากธรรมชาติ

วิธีรับประทาน: ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร วันละ 1-2 เวลา

Code: SWE059

Swanson EFAs 100% Pure Krill Oil – 500 mg/ 60 Sgels
  • Softgels delivering both EPA and DHA omega-3s for complete EFA nutrition
  • EPA and DHA move directly into cell membranes, dramatically enhancing bioavailability
  • The most eco-friendly source of pure omega-3 krill oil, achieved through Eco-Harvesting™

Product Description:

100% Pure Krill Oil

"My finicky hubby loves it, and has never had a stomach upset or bad taste from this...He says he feels better overall since he's been taking Krill Oil, too. (He initially bought some Krill from a local health food store, and paid about twice what the Swanson Brand sells for.)" ~product review by LyndaRS
Krill oil is among nature's best sources of omega-3 essential fatty acids, but not all krill oil supplements are created equal. Our team of experts here at Swanson Health Products conducted an exhaustive search to find the best for our customers. When we discovered Superba™ Krill Oil from Aker Biomarine Antarctic AS, we immediately recognized its high-quality bioavailability set it apart from the rest. But we also chose Superba™ Krill Oil because it was the environmentally responsible choice. Their sustainable Eco-Harvesting™ techniques protect the ocean and its delicate ecosystems, putting them at the forefront of environmentally sound and sustainable fishing practices. Each of our softgels delivers both EPA and DHA omega-3s for complete EFA nutrition. The phospholipid form of krill oil allows the EPA and DHA to be taken up directly into cell membranes, dramatically enhancing bioavailability. In addition, krill has the natural antioxidant astaxanthin, which not only protects the EPA and DHA from degradation, but also provides valuable free-radical protection for the body. Swanson EFAs Krill Oil uses the best krill oil in the world, delivering a natural source of omega-3 nutrition for cardiovascular support, mental health maintenance, PMS, healthy skin and more.
Learn more about the superiority of Superba™ Krill Oil.
FAQs
Q: Can I take Krill Oil if I am allergic to shellfish?
A: No, krill is a crustacean, just as shrimp, lobster and crab are.
Q: What are the equivalencies between krill and fish oil omega 3?
A: Research has not been done to establish equivalencies.
Q: Are the omega 3s in krill in the Ethyl Ester form?
A: No, they are naturally occurring phosphate esters.

Product Label:

100% Pure Krill Oil

Supplement Facts

Serving Size 1 Softgel
Amount Per Serving% Daily Value
100% Pure Superba™ Krill Oil(from shellfish)500 mg*
Omega-3 Fatty Acids110 mg*
EPA (eicosapentaenoic acid)60 mg*
DHA (docosahexaenoic acid)27.5 mg*
Astaxanthin (from krill oil)40 mcg*
*Daily Value not established.
Other ingredients: Gelatin, glycerin, purified water.
Suggested Use: As a dietary supplement, take one softgel one to two times per day with meals and water.
WARNING: Consult your healthcare provider before use if you are taking a blood-thinning medication.
Superba™ Krill is a trademark of the Aker Group.

น้ำมันคริลล์คืออะไร? (Krill Oil)

น้ำมันคริลล์ ออยล์ (Krill oil) เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากสัตว์ทะเลขนาดจิ๋วในกลุ่มเดียวกับพวกกุ้งขนาดเล็ก (Crustaceans) ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกของมหาสมุทรแอนตาร์คติก โดยทั่วไปแล้วคริวมักเป็นอาหารของพวกปลาทะเลและสัตว์น้ำที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงทำให้ Krill มีความเสี่ยงต่ำกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในทะเลที่จะมีการปนเปื้อนโลหะหนัก Krill เป็นแหล่งโปรตีนที่บริสุทธิ์ไร้สารสารที่ก่อให้เกิดมลภาวะ (Dioxin) และโลหะ หนักต่าง ๆ

แต่ในทางอุตสาหกรรมอาหารได้มีการนำคริลล์มาสกัดเพื่อ เป็นน้ำมันคล้ายๆกับการสกัดเย็นที่พบได้ในการผลิตน้ำมันปลา เนื่องจากพบว่า คริลล์นั้นอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมกา 3 ชนิดอิสระ (Free form of Omega-3 fatty acids) ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมัน EPA และ DHA เช่นเดียวกับน้ำมันปลาแต่มีปริมาณที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตามน้ำมันคริลล์ออยยังมีความโดดเด่นที่ต่างจากน้ำมันปลาก็คือ โครงสร้างโอเมกา 3 ของคริวที่มักจะจับกับสาร Phospholipids ซึ่งโดยมากมักเป็นสาร Phosphatidylcholine จึงทำให้คริวนั้นมีสมญานามในแวดวงอาหารเสริมว่าเป็น Marine Lecithin นอกจากนี้คริลล์ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสีแดงที่ชื่อ Astaxanthin ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับ Lycopene และ Beta-carotene อีกด้วย

เปรียบเทียบ Krill oil และ Fish oil
โครง สร้างโมเลกุลของ Omega-3 ใน Krill oil เป็น Phospholipid แต่ใน Fish oil เป็น Triglyceride ซึ่ง Phospholipid มีโมเลกุลขนาดเล็กกว่า โครงสร้างอยู่ในลักษณะคล้ายกับโครงสร้างแบบเดียวกับเยื่อหุ้มเซลล์ของมนุษย์ (เยื่อหุ้มเซลล์มีโครงสร้างเป็น Phospholipid bilayer) สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและสมองได้ดีกว่า Omega-3 ที่อยู่ในโครงสร้าง Triglyceride ที่มีอยู่ใน Fish oil นอกจากนี้กลิ่นของ Krill oil ยังไม่เหม็นคาวเหมือนกับ Fish oil อีกด้วย
คุณสมบัติ เด่นอีกอย่างหนึ่งของ Krill oil คือ สามารถละลายน้ำได้เนื่องจากมีโครงสร้างที่เป็น Phospholipid ซึ่งมีส่วนที่เป็น Polar head และมีส่วนที่เป็น Non-Polar น้อยกว่า Triglyceride จึงละลายน้ำได้ดีกว่า จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึม Krill oil ไปใช้ได้ดีกว่าด้วยเช่นเดียวกัน

สารอาหารที่ Krill Oil (คริลล์ ออยล์) มีมากกว่า Fish Oil (น้ำมันปลา) คือ
  • Phospholipid (ฟอสโฟไลปิด) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะระบบประสาทและสมอง
  • Astaxanthin (แอสต้าแซนทิน) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีฟลาโวนอยด์รูปแบบเฉพาะ ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า วิตามิน อี 550 เท่า

สารฟอสโฟไลปิดจาก Krill Oil (คริลล์ ออยล์)
สารกลุ่มฟอสโฟไลปิดเชิงซ้อนจากน้ำมันคริลล์ออยโดยทั่วไปนั้นถือว่ามี ประโยชน์ต่อการทำงานในระดับเซลล์ของระบบต่างๆในร่างกายของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ของมนุษย์ที่จำเป็นจะต้องใช้ กรดไขมันดังกล่าวในการสังเคราะห์เป็นโครงสร้างเซลล์ รวมถึงการยึดเกาะกันของเซลล์ต่างๆให้กลายเป็นโครงสร้างเนื้อเยื่อที่แข็งแรง มากขึ้น และด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้กรดไขมันโอเมกา 3 จากคริวที่ผูกติดอยู่กับฟอสโฟไลปิดนี้สามารถแทรกผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เพื่อ เข้าสู่ระบบต่างๆในร่างกายได้รวดเร็วกว่ากรดไขมันโอเมกา 3 แบบอิสระทั่วๆไปนั่นเอง นอกจากนี้ฟอสโฟไลปิดในคริลล์ยังเป็นสารที่ช่วยทำให้ละอองไขมันในร่างกายของ เราแตกตัว (Emulsifier) เพื่อช่วยในการย่อยสลายได้ง่ายขึ้น จึงเป็นการป้องกันการเกาะตัวของละอองไขมันในหลอดเลือดนั่นเอง

กรดไขมัน DHA & EPA ในน้ำมันจากคริลล์ออย
หลังจากที่กรดไขมันทั้งสองเข้าสู่ระบบโลหิตแล้วก็จะเกี่ยวข้องกับการส่ง สัญญาณของเซลล์ (Cell signaling cascade) ในเนื้อเยื่อต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการลดอักเสบโดยกรดไขมัน EPA ผ่านทาง Eicosanoid complex pathway ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรคไขข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) และลดอาการปวดประจำเดือนเช่นเดียวกับ EPA ที่พบได้จากน้ำมันปลาทุกประการ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการลดไขมันเลว LDL และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งจะช่วยลดการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือด (Arterial plaque) อันเป็นต้นเหตุสำคัญของโรคหลอดเลือดอุดตัน ขณะที่ DHA จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของระบบประสาทและการมองเห็น รวมทั้งช่วยชะลอความเสื่อมของระบบประสาทและสมองในผู้ใหญ่อีกด้วย

สารต้านอนุมูลอิสระ Astaxanthin ในน้ำมันจากคริลล์ออย
สารต้านอนุมูลอิสระ Astaxanthin เป็นรงควัตถุสีแดงที่พบได้เฉพาะในสัตว์ทะเลกลุ่ม Crustaceans โดยปกติหน้าที่หลักของสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากสาร ต้านอนูมูลอิสระอื่นๆทั่วๆไป ยกเว้นฤทธิ์ในการป้องกันการทำลายจาก Oxidative stress ในบริเวณเนื้อเยื่อไขมันและคลอเรสเตอรอลที่สะสมในร่างกาย ซึ่งเกิดจากผลของทั้งสาร Astaxanthin และ ฟอสโฟไลปิดร่วมกัน (Synergistic effect) มากกว่าการใช้สารต้านอนุมูลอิสระเพียงอย่างเดียว ซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้ได้มีการศึกษาผลทางคลินิกของน้ำมันคริลล์กันอย่างกว้าง ขวาง จึงนับว่าน้ำมันคริลล์อาจจะเป็นอาหารเสริมอีกชนิดที่น่าเชื่อถือและมา แรงอย่างมากในอนาคต

ประโยชน์ของ Krill Oil
+ ให้กรด EPA & DHA ที่มีโครงสร้างที่พิเศษเฉพาะ ที่ดีต่อเซลล์สมองและเยื่อหุ้มเซลล์
+ ให้สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง แคโรทีนอยด์ และ แอสต้าแซนทิน
+ ให้สารฟลาโวนอยด์ เป็นฟลาโวนอยด์ชนิดแรกที่สกัดได้จากสาหร่าย และแคโรทีนอยด์ที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่า วิตามิน อี 550 เท่า
+ ให้กรดไขมันฟอสโฟไลปิดที่สำคัญต่อการสร้างและปกป้องเซลล์
+ มี วิตามิน อี ช่วยรักษาประสิทธิภาพของกรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega 3)

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

+ ช่วยให้ระบบการตอบสนองของระบบภูมิต้านทานของร่างกายตอบสนองได้อย่างปกติ
+ ลดการเกิดการอักเสบ
+ ส่งเสริมสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
+ ส่งเสริมการทำงานของสมอง และสุขภาพของสมอง
+ ส่งเสริมการทำงานการเคลื่อนไหวของข้อ
+ ลดอาการของไขข้ออักเสบรูมาตอยด์
+ ส่งเสริมสุขภาพของผิวหนัง
+ ลดการปวด และอาการข้อติดขัด
+ เพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องร่างกายจากรังสี UV ที่ทำให้ผิวหนังถูกทำลาย
+ ส่งเสริมให้ระบบ DHA ในสมองปกติ ส่งเสริมสุขภาพจิตใจ
+ มีผลต่อการสร้างสารสื่อประสาท และการสร้างพรอสตาแกลนดิน ที่มีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง
EPA และ DHA
กรดไขมันที่สำคัญที่สุดในกลุ่ม Omega 3 ได้แก่ EPA ( Eicosapentaenic acid ) และ DHA ( Docosacexaenoic acid ) ทั้ง EPA และ DHA ต่างมีความจำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมทั้งการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ ร่างกายของเราประกอบขึ้นด้วยเซลล์มากมาย ดังนั้น การได้รับสารทั้ง2 ตัวที่กล่าวมาอย่างไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบต่อทุกส่วนของร่างกาย รวมไปถึงกระดูก เลือด อวัยวะ ผิวหนัง ผม และสุขภาพจิตของเราด้วย

ร่างกายของเราต้องการ EPA และ DHA อย่างน้อย 650 มิลลิกรัม เพื่อให้ทั้งร่างกายและจิตใจทำงานได้ตามปรกติ ในอดีตที่ผ่านมา EPA ถูกมองว่าเป็นกรดไขมัน Omega-3 ที่มีความสำคัญมากที่สุดในทางการแพทย์และทางชีววิทยา ส่วน DHA กลับแทบไม่ได้รับการกล่าวถึง เมื่อพูดถึงผลที่ได้จากกรดไขมัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า DHA เป็นกรดไขมันที่เป็นองค์ประกอบหลักของสมองของเรา และเมื่อไม่นานมานี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า EPA และ DHA ไม่เพียงจะอยู่ในเซลล์ไขมัน เซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย แต่ยังส่งผลและทำงานในหลายๆรูปแบบ

DHA เป็นกรดไขมันสำคัญที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์ซึ่งเปรียบได้กับโครงสร้างของบ้าน โดย DHA เป็นเหมือนวัสดุพื้นฐานที่ผสมในคอนกรีตที่ใช้ในการสร้างบ้าน ถ้าคอนกรีตไม่แข็งแรงพอ ส่วนประกอบต่างๆก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย เช่นเดียวกับประเภทของกรดไขมันที่เราบริโภค จะเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง หรือความอ่อนนุ่มของเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของร่างกาย
DHA ไม่ได้พบแต่ในสมองเท่านั้น แต่ยังพบในหลายๆเซลล์ของร่างกาย ผ่านทางกระแสเลือด

แต่ DHA ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่สมองเนื่องจากสมองต้องการมากที่สุด เพื่อช่วยให้สมองทำงานได้อย่างปรกติ ซึ่งทั้ง EPA และ DHA จะออกฤทธิ์ต่างกันออกไป หรือถ้าจะมองแบบง่ายๆ เราอาจกล่าวได้ว่า DHA ทำหน้าที่เป็น โครงสร้าง (Building blocks) ของเยื่อหุ้มเซลล์ ส่วน EPA จะทำหน้าที่เป็นตัวให้พลังงานกับเซลล์

ที่มา : หนังสือ
Healthy on the inside, Beautiful on the outside

ผลตอบรับจากผู้ใช้:
1. "Have wanted to replace regular fish oil with krill oil for some time. Swanson allowed me to do that by offering great quality for a great price."
2. "Excellent replacement for fish oil capsules."
3. "The Krill Oil does everything that fish oil does without fishy erps. I like the price and quality, but I also like that I don't get nosebleeds from krill oil like I get with fish oil. I am a much nicer person when I am not erpping, and stuffing tissue up my nose. People do not give me "fishy" looks!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น