Swanson Premium Natural 100% Vitamin E 400 IU/ 100 Sgels

วิตามินอีธรรมชาติ 100% ในรูปแบบเม็ดซอฟท์เจล ต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจและหลอดเลือด ผิวพรรณสดใส


ราคา: 590 บาท

วิตามินอี เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดี เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองและหัวใจบำรุงตับซึ่งทำ หน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากช่วยในระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติช่วยให้ผิวพรรณสดใส และช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกให้หายเร็วขึ้นช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นและไม่อ่อนเพลียง่าย

วิธีรับประทาน: วันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร

Code: SW140

Swanson Premium Natural 100% Vitamin E 400 IU/ 100 Sgels

  • Comprised of 100% all-natural d-alpha tocopherols
  • High absorption softgels for great cardiovascular and heart health
  • Delivers outstanding antioxidant protection against free radicals

Product Description:

Natural Vitamin E

"This product is as good or better than national brands. I want to give my family the essentials for good health and I think Vitamin E 400 IUI's each day fills that need." ~ product review by Nikky
Vitamin E is more than just a heart-health vitamin. Vitamin E's antioxidant properties help protect vital tissues throughout the body against the ravages of free radicals. Our high-absorption softgels feature 100% natural-source vitamin E.

Product Label:

Natural Vitamin E

Supplement Facts

Serving Size 1 Softgel
Amount Per Serving% Daily Value
Vitamin E USP(as d-alpha tocopheryl acetate)400 IU1,333%
Other ingredients: Soybean oil, gelatin, glycerin, purified water.
Suggested Use: As a dietary supplement, take one softgel per day with water.

วิตามินอี
วิตามินอี (Vitamin E) หรือ โทโคฟีรอล , โทโคไทรอีนอล เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน ซึ่งจะถูกเก็บสะสมไว้ที่ตับ เนื้อเยื่อไขมัน หัวใจ เลือด กล้ามเนื้อ มดลูก อัณฑะ ต่อมหมวกไต ต่อมใต้สมอง มีหน่วยวัดเป็น IU โดย 1 IU = 1 mg. โดยวิตามินอีแบ่งออกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือโทโคฟีรอลและโทโคไทรอีนอล โดยทั้ง 2 กลุ่มจะแบ่งเป็น 4 รูปแบบ คือ แอลฟา บีตา แกมมา เดลตา ซึ่งในบรรดาสารทั้ง 8 ตัว แอลฟาโทโคฟีรอล จัดได้ว่ามีฤทธิ์ทางชีวภาพ แต่แกมมาโทโคฟีรอลมีประสิทธิภาพมากกว่าในการเพิ่มระดับเอนไซม์ซูปเปอร์ ออกไซด์ดิสมิวเทส (SOD) ซึ่งมีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งรวมไปถึงมะเร็ง โรคหัวใจ โรคชรา อัลไซเมอร์
วิตามินอีเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ป้องกันการเกิดออกซิเดชันของสารในกลุ่มไขมัน ทำงานเหมือนกับวิตามินเอ วิตามินซี ธาตุซีลีเนียม กรดแอมิโนซัลเฟอร์ นอกจากนี้วิตามินอียังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ วิตามินเอ ได้ดียิ่งขึ้น และยังทำหน้าที่สำคัญคล้ายเป็นยาขยายหลอดลมและเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด โดยวิตามินอีจะต่างกับวิตามินที่ละลายในไขมันตัวอื่นคือร่างกายจะเก็บสะสม ไว้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น คล้ายๆกับวิตามินบีและวิตามินซี
แหล่งที่พบวิตามินอีตามธรรมชาติ ได้แก่ ไข่ จมูกข้าวสาลี ขนมปังโฮลวีต ซีเรียลชนิดโฮลเกรน แป้งทำขนมปังแบบเสริมวิตามิน ถั่วเหลือง น้ำมันพืช น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพดถั่ว เมล็ดทานตะวัน เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ (วอลนัท พีแคน ถั่วลิสง จะมีแกมมาโทโคฟีรอลมากเป็นพิเศษ) กะหล่ำปลี กะหล่ำดาว ผักใบเขียว ผักขม อะโวคาโด(เฉพาะเนื้อ) ปวยเล้ง เป็นต้น
โรคจากการขาดวิตามินอี คือ เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย กล้ามเนื้อฝ่อ และโรคโลหิตจาง โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ และศัตรูของวิตามินอี ได้แก่ ความร้อน ออกซิเจน อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง กระบวนการแปรรูปอาหาร ธาตุเหล็ก ธาตุคลอรีน และน้ำมันแร่ธรรมชาติ เป็นต้น

คำแนะนำในการรับประทานวิตามินอี
  • วิตามินอีขนาดแนะนำให้รับประทานต่อวันสำหรับผู้ใหญ่คือ 8-10 IU
  • ปริมาณร้อยละ 60-70 ของขนาดที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวันจะถูกขับออกทางอุจจาระ
  • อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของธาตุซีลีเนียม 25 mcg. ต่อวิตามินอี 200 IU จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินอีได้เป็นอย่างดี
  • ค่า IU ที่ระบุไว้ในฉลากอาหารเสริมของวิตามินอี เป็นค่าของ แอลฟาโทโคฟีรอล ส่วนโทโคฟีรอลตัวอื่นและโทโคไทรอีนอลนั้น ถือได้ว่ามีค่าเป็น 0 IU
  • ปริมาณ IU บนฉลากอาหารเสริม ไม่ได้เป็นการระบุว่าวิตามินอีนั้นมีเพียงแอลฟาโทโคฟีรอลเพียงตัวเดียว หรือมีโทโคฟีรอลตัวอื่นและโทโคไทรอีนอลรวมอยู่ด้วยหรือไม่
  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินอีวางจำหน่ายทั้งแบบชนิดเป็นน้ำมัน แคปซูล แบบเม็ดละลายน้ำได้
  • อาหารเสริมที่สกัดแอลฟาโทโคฟีรอลจากธรรมชาติ จะมีประสิทธิภาพเป็นสองเท่าของแบบสังเคราะห์
  • วิตามินอีให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะมีขนาดตั้งแต่ 100-1,500 IU ผู้ที่ไม่ชอบรับประทานแบบน้ำมัน หรือผู้ที่มีปัญหาผิวที่เกิดจากความมัน แนะนำให้รับประทานเป็นแบบเม็ดแห้งละลายน้ำ รวมไปถึงผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปีด้วย
  • ขนาดที่แนะนำให้รับประทานทั่วไปคือ 200-1,200 IU ต่อวัน ผลเสียของการรับประทานเกินขนาด ในปัจจุบันยังไม่พบว่ามีอาการเป็นพิษต่อร่างกายหากรับประทานมากๆ
  • หากคุณรับประทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนสูง ร่างกายอาจต้องการวิตามินอีเพิ่มมากขึ้น
  • วิตามินอีในปริมาณที่สูง จะเสริมการทำงานของยาต้านการแข็งตัวของเลือดและลดการดูดซึมของ วิตามินเค ซึ่งเป็นวิตามินที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว ดังนั้นหากคุณกำลังจะเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานวิตามินอี 2 สัปดาห์ก่อนและหลังการผ่าตัด
  • ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอีจากอาหารเสริมที่สกัดจากธรรมชาติได้ มากกว่าเป็นสองเท่าของแบบสังเคราะห์ โดยสามารถดูที่ฉลากจะพบว่าวิตามินอีจากธรรมชาติจะรุว่าเป็น d-alpha-tocopherol ส่วนแบบสังเคราะห์จะเขียนว่า dl-alpha-tocopherol
  • การรับประทานโทโคไทรอีนอลนั้น จำเป็นอย่างมากที่จะต้องรับประทานร่วมกับอาหารที่มีน้ำมันหรือมีไขมันอยู่ด้วย
  • การรับประทานแอลฟาโทโคฟีรอลในปริมาณมาก จะทำให้ระดับของแกมมาโทโคฟีรอลในเลือดลดลง ซึ่งแกมมาโทโคฟีรอลนี้มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบ (อนุมูลิสระที่มีไนโตรเจนจะสัมพันธ์กับโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ)
  • หากคุณรับประทานแกมมาโทโคฟีรอล จะทำให้ระดับแอลฟาและแกมมาโทโคฟีรอลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นด้วย
  • แกมมาโทโคฟีรอลมีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
  • ธาตุเหล็กอนินทรีย์ สามารถทำลายวิตามินอีได้ จึงไม่ควรรับประทานร่วมกัน หากจะรับประทานอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กหรือเฟอร์รัสซัลเฟต ควรจะรับประทานวิตามินอีก่อนหรือหลัง 8 ชั่วโมง
  • เฟอร์รัสกลูโคเนต เฟอร์รัสเปปโทเนต เฟอร์รัสซิเทรต เฟอร์รัสฟูเมเรต (ธาตุเหล็กอินทรีย์) จะไม่ทำลายวิตามินอี
  • หากดื่มน้ำที่มี ธาตุคลอรีน ร่างกายจะต้องการวิตามินอีเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
  • สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือรับประทานยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนเสริม ร่างกายจะต้องการวิตามินเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ
  • สำหรับผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยทอง ควรรับประทานวิตามินอีให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยหากอายุน้อยกว่า 40 ปี ควรรับประทานในขนาด 400 IU ต่อวัน แต่หากมีอายุมากกว่า 40 ปี ควรรับประทาน 800 IU ต่อวัน ถ้าเป็นแบบเม็ดแห้งจะดีมาก
ประโยชน์ของวิตามินอี
  • ประโยชน์ของวิตามินอีช่วยทำให้แลดูอ่อนกว่าวัย โดยชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของเซลล์
  • ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี
  • ช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพความทนทาน
  • ช่วยปกป้องปอดจากมลพิษทางอากาศ โดยทำงานร่วมกับวิตามินเอ
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคให้เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์
  • ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม
  • ช่วยป้องกันและสลายลิ่มเลือด
  • ช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย
  • ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก
  • Vitamin E ป้องกันแผลเป็นหนานูน ทั้งภายนอดและภายใน
  • เร่งให้แผลไหม้บริเวณผิวหนังหายเร็วยิ่งขึ้น
  • ทำงานคล้ายยาขับปัสสาวะ ช่วยลดความดันโลหิต
  • ช่วยในการป้องกันภาวะแท้ง
  • บรรเทาอาการตะคริวหรือขาตึง
  • ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและอัมพฤกษ์ อัมพาต
  • ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์ได้
แหล่งอ้างอิง : หนังสือวิตามินไบเบิล (ดร.เอิร์ล มินเดลล์)

แหล่งวิตามินอี
วิตามินอีมีมากในน้ำมันจากธัญพืชและถั่วประเภท เปลือกแข็ง การเก็บรักษาให้วิตามินอีควรเก็บให้พ้นจากความร้อนแสงแดด รวมทั้งออกซิเจนในอากาศ การขัดสี การบด จะทำให้ญพืชสูญเสียวิตามินอีไปจำนวนมาก
ร่างกายคนเราต้องการวิตามินอีอยู่ที่วันละ 10-15 IU
แหล่งวิตามินในธรรมชาติ จำนวน ปริมาณสารอาหารที่ได้รับ
น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำหนัก 100 กรัม 40 IU
น้ำมันดอกคำฝอย น้ำหนัก 100 กรัม 31.5 IU
น้ำมันข้าวโพด น้ำหนัก 100 กรัม 19 IU
น้ำมันถั่วเหลือง น้ำหนัก 100 กรัม 14.4 IU
กะหล่ำปลี น้ำหนัก 100 กรัม 6.4 IU
จมูกข้าวสาลี 1 ช้อนโต๊ะ 11-14 IU
เมล็ดทานตะวัน น้ำหนัก 100 กรัม 25 IU
ถั่วเปลือกแข็งประเภทอัลมอนด์ น้ำหนัก 100 กรัม 13.5 IU
มันเทศ น้ำหนัก 100 กรัม 6 IU
เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำหนัก 100 กรัม 4.6 IU
อะโวคาโด(เฉพาะเนื้อ) น้ำหนัก 100 กรัม 4.5 IU
ปวยเล้ง น้ำหนัก 100 กรัม 3 IU

อันตรายจากการขาดวิตามินอี
  • โรคหัวใจกำเริบ วิตามินอีมีหน้าที่ในการจับสารที่เข้ามาทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกายการ ขาดวิตามินอีทำให้สารเหล่านี้เข้าไปทำปฏิกิริยากับไขมันในเลือดทำให้ เนื้อเยื่อต่างๆ เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น นำไปสู่ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง ก่อให้เกิดก้อนเลือดและที่สุดทำให้เกิดโรคหัวใจกำเริบได้
  • ระบบประสาทมีปัญหา ในกรณีของคนที่ร่างกายมีปัญหาในการดูดซึมไขมันและในเด็กทารกที่ คลอดก่อนกำหนด การได้รับวิตามินอีต่ำกว่าปริมาณที่กำหนดอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบ ประสาทและเป็นโรคโลหิตจางได้ เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายถูกทำลาย






    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น

    หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น