Swanson Ultra Breast Health Formula For Women/ 60 Caps

ดูแลสุขภาพเต้านมของคุณสุภาพสตรี ไม่หย่อนคล้อยก่อนสมควร ป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม


ราคา: 1120 บาท

เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสารสกัดจากธรรมชาตินานาชนิด ที่เป็นที่ยอมรับทางวิทยาศาสตร์ว่าสามารถดูแลฟื้นฟูเนื้อเยื่อเต้านมให้สุขภาพดี เต่งตึง เปล่งปลั่ง ไม่หย่อนคล้อย และเสื่อมก่อนเวลาอันควรได้ อีกทั้งมีส่วนผสมของ Sulforaphane โดย BroccoPhane™ สกัดเข้มข้นจาก ต้นอ่อนบรอคโคลี่ ในอัตราส่วน 20:1 ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดในการออกฤทธิ์ นอกจากนี้ มีส่วนผสม IP-6, HMRlignan, สารสกัดจากเห็ดไมตาเกะ และเห็ด agaricus ในการเสริมฤทธิ์ป้องกันมะเร็งเต้านมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีรับประทาน: วันละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร

Code: SWU405

Swanson Ultra Breast Health Formula For Women/ 60 Caps
  • Promotes breast health
  • Features Sulforaphane, IP-6 and HMRlignan
  • Includes maitake and agaricus mushroom extracts

Product Description:

Breast Health Formula For Women

"it helped me a lot and I consider it the most complete and effective product for this type of concern." ~product review by theo33
Concerned about breast health? Studies indicate a healthy lifestyle is the best first step to taking care of yourself: quit smoking, limit alcohol consumption, maintain a healthy weight, and eat plenty of fruits, vegetables and fish. Now, for even further support, you can add our Breast Health Formula to your dietary routine. It's a precision blend of nature's most scientifically supported nutrients for promoting and maintaining healthy breast tissue. Each ingredient, including Sulforaphane from BroccoPhane 20:1 broccoli sprout concentrate, is standardized to specific levels of active constituents and in appropriate dosage for optimum benefits. Swanson Health Products is pleased to present Breast Health Formula for all women.

Product Label:

Breast Health Formula For Women

Supplement Facts

Serving Size 2 Capsules
Servings Per Container 30
Amount Per Serving% Daily Value
GreenSelect® Green Tea Extract(Camellia sinensis) (dried leaves) [standardized to 60% polyphenols, 40% EGCG (epigallocatechin- 3-O-gallate)]690 mg*
IP-6 (inositol hexaphosphate)500 mg*
Agaricus blazei (Hime matsutake)Mushroom Extract (standardized to 55% beta d-glucans) (fruiting bodies)50 mg*
Maitake Mushroom Extract(Grifola frondosa) (standardized to 30% polysaccharides) (fruiting bodies)50 mg*
HMRlignan™(7-hydroxymatairesinol) (standardized extract of Picea abies) (knot wood)30 mg*
Sulforaphane(from BroccoPhane™ 20:1 broccoli sprout concentrate standardized to 0.4% sulforaphane)125 mcg*
*Daily Value not established.
Other ingredients: Gelatin, may contain one or more of the following: microcrystalline cellulose (plant fiber), magnesium stearate, silica.
Suggested Use: As a dietary supplement, take two capsules per day with water.
WARNING: Do not take this product if you are pregnant or nursing. Consult your healthcare provider before use if you are currently taking any prescription medications or receiving medical treatment.
BroccoPhane® is a registered trademark of Cyvex Nutrition, Inc.
GreenSelect® is a registered trademark of Indena, S.p.A.
The HMRlignan™ trademark is used under license from Linnea, Inc.


ชาเขียว Green Tea

ชาเขียวมีดีตรงไหน?
ความลับของชาเขียวอยู่ที่ปริมาณสาร Catechin Polyphenol โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Epigallocatechin Gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชาเขียวเนื่อง มาจากขั้นตอนการผลิตของชาชนิดอื่น เช่น ชาดำ ชาอูหลง จะผ่านการหมักเพื่อให้ได้กลิ่นเฉพาะตัว แต่ชาเขียวผ่านกระบวนการอบไอน้ำเท่านั้นจึงรักษาสาร EGCG ไว้ได้ในปริมาณมากที่สุด
EGCG เป็นสารต้านพิษ และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลมะเร็งด้วยการฆ่าเซลมะเร็งโดยไม่ทำลาย เนื้อเยื่อส่วนดี นอกจากนั้นยังช่วยลดระดับ LDL คลอเรสเตอรอล และยับยั้งการก่อตัวแบบผิดปกติของก้อนเลือด ซึ่งเป็นเหตุของอาการหัวใจวายและลมชัก
EGCG มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและมิตามินอีถึง 25-100 เท่า อย่างไรก็ตาม ลำพังแค่สาร EGCG อย่างเดียวก็ไม่สามารถให้ผลในการเผาผลาญไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพหากขาด สารเคมีธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่มีในชาเขียว นั่นคือ”คาเฟอีน”นั่นเอง (ในชาหนึ่งถ้วยเราจะได้คาเฟอีนประมาณ 10-80 มก. และสาร EGCG ประมาณ 50-100 มก.) ซึ่งก็มีงานวิจัยโดยBritish Journal of Nutritionว่า การได้รับสารสองชนิดนี้พร้อมๆกันจะช่วงเร่งอัตราการเผาผลาญไขมันได้ดีกว่า การใช้ตัวใดตัวหนึ่งแบบเดี่ยวๆ และการดื่มชาเขียวโดยได้รับสารคาเฟอีน 200 มก. และ EGCG 400 มก. ต่อวันช่วยลดแคลอรี่ได้ถึง 180 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว

ประโยชน์ของชาเขียว (Green Tea)
  • ต้านโรคอ้วน ช่วยกระตุ้นการสร้างความร้อนของร่างกาย ซึ่งช่วยเผาผลาญพลังงานและช่วยการจัดการกับโรคอ้วนชะลอการปล่อย glucose สู่กระแสเลือดซึ่งทำให้ชะลอการสร้าง insulin ซึ่งเป็น hormone ที่ส่งเสริมให้ร่างกายสะสมไขมัน ดังนั้น ร่างกายจึงเผาผลาญไขมันแทนที่จะสะสมไขมัน
  • ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยจัดการ ions ของโลหะหนัก, oxygen species และ อนุมูลอิสระ ป้องกันผิวเราจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวย่น เหี่ยว ริ้ว รอย เนื่องจากอายุที่มากขึ้น
  • ชะลอความแก่
    อัน นี้ชอบเป็นพิเศษชาเขียว ยังมีคุณสมบัติชะลอความแก่ เนื่องจากมีสารที่ชื่อว่า polyphenols ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารสำคัญในการทำลายเซลล์ของเรา ดังนั้นถ้าเราดื่มชาเขียวจะช่วยชะลอความแก่ได้
  • ต้านมะเร็ง ยับยั้งการทำงานของระบบเอนไซม์ cytochrome P-450 (phase I enzyme) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นการเกิดสารก่อมะเร็ง และยับยั้งการทำงานของ urokinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบบ่อยที่สุดในการเกิดมะเร็งในมนุษย์ มะเร็งที่เกิดในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสารก่อมะเร็งที่มีผลทำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอ Polyphenols นั้นสามารถกระตุ้นการซ่อมแซมดีเอ็นเอ โดยการเกิด nucleotide oxidation ซึ่งจะกำจัดเบสของดีเอ็นเอที่ผิดปกติ
  • ป้องกันโรคหัวใจ ลดการเกิด oxidation ของ low-density lipoprotein (LDL) cholesterol ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและยังช่วยเพิ่มปริมาณ high-density lipoproteins (HDL) ในกระแสเลือด
  • ต้านโรคเบาหวาน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยยับยั้งการทำงานของ amylase ซึ่งเป็นเอนไซม์ย่อยแป้ง ผลที่เกิดขึ้นคือ แป้งจะถูกย่อยช้าลง ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของน้ำตาลในเลือดเป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนั้นชาเขียวยังลดการดูดซึมของกลูโคสที่ลำไส้
  • ป้องกันฟันผุ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก
  • ชาเขียว กับกระดูก
    เนื่อง จากชาเขียวมีปริมาณของสาร fluoride ค่อนข้างสูงซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่า fluoride เป็นสารที่สำคัญในการสร้างและรักษากระดูกของเราให้แข็งแรง ถ้าดื่มชาเขียวทุกๆวันเราสามารถที่จะรักษากระดูกของเราให้แข็งแรงได้
  • ชาเขียว กับโรคข้อต่ออักเสบ
    คุณสมบัติ ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของชาเขียวคือการป้องกันโรคข้อต่ออักเสฐและปวดตามข้อ ต่างๆ เนื่องจากชาเขียวจะไปขัดขวางการทำงานของเอมไซม์ที่ไปทำลายกระดูกอ่อนๆกรอบๆ ของเรานั่นเอง


IP6 (Inositol hexaphosphate)

IP6 (Inositol hexaphosphate) สารตัวนี้พบว่าสามารถช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างเม็ดเลือดขาวที่ชื่อ Natural killer cells (NK) เพิ่มขึ้นเม็ดเลือดขาว ชนิดนี้ร่างกายให้ฆ่าเชื้อโรคไวรัส รวมทั้งเซลล์มะเร็ง และยังพบอีกว่า IP6 ยังทำหน้าที่จับตัวเข้ากับโลหะหนัก(Chelation) ที่คงค้างอยู่ภายในร่างกาย เพื่อจะได้ขับถ่ายมาทางอุจจาระคุณสมบัตินี้จะช่วยป้องกันพิษจากการสะสมโลหะ หนักพวกปรอท, ตะกั่ว, ดีบุก และอะลูมิเนียม เป็นต้น


เห็ด อะการิคัส หรือ เห็ดฮิเมะ มัทสึตาเกะ (Agaricus blazei Mushroom)



Agaricus blazei (Hime matsutake) Mushroom Extract (standardized to 55% beta d-glucans) (fruiting bodies) มี สารสำคัญ เช่น เบต้ากลูแคนซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง มักใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็งและโรคผู้สูงอายุเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคความดันโลหิตสูง เพิ่มภูมิคุ้มกัน
เบต้ากลูแคน (BETA GLUCAN) หรือสารประกอบน้ำตาลโมเลกุลเชิงซ้อน (Polysaccharide) ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำ ช่วยในการย่อยและขับถ่าย
ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นสารมหัศจรรย์เพราะมีคุณค่าหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ตื่นตัวพร้อม รับมือเชื้อโรคเสมอ ช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อและทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยเร็ว ขึ้น ทั้งยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่สำคัญคือ ลดระดับไขมันคอเลสเตอรอลในโลหิต นอกจากนี้ เบต้ากลูแคนยังมีประโยชน์ด้านความงาม เพราะช่วยผลัดเซลล์ผิว ชะลอวัย และรักษาสิวได้ ดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์เพื่อความงามหลายชนิดที่ใช้เบต้ากลูแคนเป็นส่วนผสม เช่น ครีมกันแดด เซรั่มปกป้องผมจากแสงแดด ครีมรักษาสิว ครีมลดรอยแผลเป็น เป็นต้น
สำหรับประโยชน์ที่เหนือกว่าสารอาหารอื่นๆ คือ สรรพคุณในการป้องกันและรักษามะเร็ง เพราะถ้าร่างกายได้รับเบต้ากลูแคน เม็ดโลหิตขาวขนาดใหญ่ จะถูกกระตุ้นให้มีความสามารถสังเกตเห็นเชื้อมะเร็งรู้ว่าเป็นผู้บุกรุกและจะ เข้าไปทำลายได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
เบต้ากลูแคนทำงานอย่างไรในร่างกาย?
เมื่อเรารับประทาน เบต้ากลูแคน เข้าไป เบต้ากลูแคน จะถูกย่อยที่บริเวณผนังลำไส้เล็กส่วน lleum ที่เรียกว่า Peyer's Patches โดย เซลล์มาโครฟาส หรือ เซลล์ต่อสู้โรค ให้กลายเป็นแท่ง (fragment) เล็กๆ ของ B-1,3/1,6-Gluco Polysaccharide จะไปจับกับ Receptor ของ Neutrophils (เซลล์เม็ดเลือดขาวที่คอยกำจัดเชื้อโรค) ซึ่่งจะทำให้ Neutrophils มีความจำเพาะเจาะจงกับเชื้อโรค มากขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาและจับกับสิ่งแปลกปลอมเพื่อทำลายสิ่งแปลก ปลอมในร่างกายได้เร็วขึ้นเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของ เม็ดเลือดขาว Neutrophil ที่มีอยู่แล้วในร่างกาย(ซึ่งปกติ Neutophil มีอายุเพียง 2-3 วัน เท่านั้น) โดยไม่ได้ไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มเติม หรือ ไม่ได้กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอื่นๆจึงปลอดภัย
ประโยชน์เบต้ากลูแคน
- ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น ป้องกันโรคหวัด ป้องกันโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจทุกชนิด เช่น โรคหวัด โรคภูมิแพ้ไข้หวัดใหญ่
- ช่วยลดการเจ็บป่วยและความเครียดที่เกิดจากการใช้กำลังทางร่างกายสูง
- มีงานวิจัยทางการแพทย์ว่าช่วย ต่อต้านเซลล์มะเร็ง
- ลดระดับคลอเรสเตอรอล
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด บรรเทาอาการต่างๆของโรคเบาหวาน ฟื้นฟูตับอ่อนให้เข้าสู่ภาวะปกติ

เห็ดไมตาเกะ (MAITAKE MUSHROOM)

เห็ดไมตาเกะ (Maitake Mushroom) ได้ ชื่อว่าเป็น ‘ราชาของเห็ดทั้งปวง’ โดยพิพิธภัณฑ์เห็ดที่มีฤทธิ์ทางยาได้ให้ชื่อเป็นภาษาไทยว่า “เห็ดขอนช้อนซ้อน” เพราะมักพบตามขอนไม้ และมีรูปร่างคล้ายช้อนเรียงซ้อนกันอยู่ นับเป็นหนึ่งในเห็ดซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยไมตาเกะหนึ่งนั้นดอกอาจมีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลได้เลย
ชาวจีนและญี่ปุ่นใช้ไมตาเกะเป็นยาสมุนไพรมานานปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้เป็นยาลดความดันโลหิต ปัจจุบัน เห็ดไมตาเกะได้พิสูจน์คุณค่าผ่านการวิจัยแล้วว่าช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิต รวมทั้งมะเร็ง ทั้งยังประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม ไฟเบอร์ กรดแอมิโน และวิตามินอีกหลายชนิด
ด้วยคุณสมบัติทางการแพทย์ดังกล่าว ประกอบกับเห็ดที่มีน้อยในธรรมชาติ จึงทำให้เห็ดไมตาเกะมีราคาสูง และมักนำมาสกัดเป็นเม็ดเพื่อประโยชน์ทางการรักษาโรคแทน

สรรพคุณของเห็ดไมตาเกะ

- สามารถต้านทานมะเร็ง ส่วนใหญ่จะควบคุมการขยายของขนาดของก้อนมะเร็งไม่ให้มีการขยายตัว บางส่วนมีการลดขนาดของก้อนมะเร็งบางชนิดด้วย การที่มันสามารถต้าน การเกิดมะเร็งได้นั้น เนื่องจากมีการผลิตสารเคมีที่เรียกว่า Grifolan รวมทั้ง มีการสร้าง glucan polysaccharide ซึ่งสาร grifolan นั้นมีความ สามารถในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีประสิทธิ์ภาพ โดยเฉพาะการกระตุ้นการทำงานของ macrophage ในการจับกินสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย
- สามารถรักษาอาการของโรคเบาหวานได้ เนื่องจากมีสารที่เรียกว่า X- fraction ซึ่งเป็นสารที่มีขนาดโมเลกุลของสาร polysaccharide ขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยในการเพิ่มความสามารถในการดูดซึมน้ำตาลในเลือด และความคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูง ลดการต้านการทำงานของฮอล์โมนอินซูลิน (Insulin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนมีความสำคัญในควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการลดระดับน้ำตาลในเลือดของคนเรา รวมทั้งลดความดันของกระแสโลหิตและ ปริมาณไขมันในเลือดหรือคลอเลสเตอรอล (Cholesterol) อีกทั้งยังมีวิตามันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและไยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย ทำให้การขับถ่ายของเราเป็นปกติ
- ผลการทดลองทางการแพทย์ : ผลการทดสอบสรรพคุณจากห้องปฏิบัติการ รายงานว่าสารสกัดเห็ด ไมตาเกะยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง และเนื้องอกหลายชนิดในหนูทดลอง กระตุ้นภูมิคุ้มกันในคนป่วยโรคมะเร็งเต้านม ปอด ตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว รวมทั้งโรคเอดส์ได้ผลดีมาก อีกทั้งจำนวน CD4 และ CD8 เพิ่มขึ้นจากเลือดคนไข้ 10 ราย และมีผลทำให้ NK cell มีผลการทำลายต่อเซลล์เป้าหมายที่เพิ่มมากขึ้น


ลิกแนน (Lignans)


สารสกัดจาก HMRlignan – ช่วยป้องกันผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ของเอสโตรเจน
HMRlignan ™ 7-hydroxymatairesinol (7-HMR) เป็น Lignan จากพืชธรรมชาติ (Picea abies) ที่มีประสิทธิภาพสูง
ลิกแนน ( Lignans ) เป็นสารอาหารที่พบได้ในเมล็ดธัญพืช ทุกชนิด (เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน) ถั่วชนิดต่างๆ ผักใบเขียว และผลไม้ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามปริมาณลิกแนน ที่พบในเมล็ดลินินมีมากกว่า พืชชนิดอื่นๆ ถึง 75-800 เท่าเลย ทีเดียว เป็นเหตุให้นักวิจัยใหความสนใจกับลิกแนนมากเป็นพิเศษ
ลิกแนนมีโครงสร้างทางเคมีชื่อว่า Secoisolariciresinol diglycoside ( SDG ) ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นสารสำคัญคือ Enterolactone ( EL ) และ Enterodiol ( ED ) โดยอาศัยแบคทีเรีย ในลำไส้ คุณสมบัติของสารเหล่านี้มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน (Phytoestrogen ) ดังนั้นจึงช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนได้ดี อาทิเช่น อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ในเวลากลางคืน หลับไม่สนิท ผิวพรรณและช่องคลอดแห้ง เป็นต้น นอกจากนี้ ลิกแนนยังมีคุณสมบัติด้านอื่นๆ อีกเช่น ป้องกันโรคหัวใจ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา ลดความเสี่ยงต่อการ เป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องผูก บำรุง กระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน
มีการศึกษาวิจัยในเบื้องต้นถึงผลการใช้เมล็ดลินินในผู้หญิง ที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมจำนวน 39 คน โดยผู้ป่วยได้รับ เมล็ดลินิน 25 กรัม หรือ ยาหลอกอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นระยะ เวลา 1 เดือนก่อนทำการผ่าตัด ผลที่ได้คือ ผู้ป่วยที่ได้รับเมล็ดลินิน มีอัตราการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งลดลง ( International journal of cancer, 1998)
ลิกแนนยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ( Anti – oxidants ) พบว่า Enterolactone ( EL ) และ Enterodiol ( ED ) มีความแรงในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า Vitamin E ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีผลลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอด เลือดและหัวใจ
ในปัจจุบันเมล็ดลินินถูกนำมาแปรรูปเป็นน้ำมัน ซึ่งให้กรดไขมันจำเป็นครบถ้วนทั้งชนิด Omega-3 และ Omega-6 และเป็นแหล่งของสารลิกแนน นอกจากนี้น้ำมันสกัดจากเมล็ดลินินยังเป็นทางเลือกสำหรับ ผู้ที่แพ้อาหารทะเล(น้ำมันปลา) แต่ต้องการกรดไขมันจำเป็นชนิด Omega-3



Sulforaphane


Sulforaphane - มีผลยับยั้งเซลล์มะเร็ง
ในกะหล่ำดอกจะมีสารที่สามารถดึงสารก่อมะเร็งที่เรียกว่า คาร์ซิโนเจน (carcinogens) ออกจากเซลล์ กลไกที่เกิดขึ้นคือ สารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ทำให้มีการผลิตเอนไซม์เฟสทูมากขึ้น (phase II) ซึ่งสามารถไปลดการผลิตเอนไซม์เฟสวัน (phase I) ที่เป็นอันตรายได้ เพราะเอนไซม์เฟสทู สามารถไปทำอันตรายสารพันธุกรรมในเซลล์ (cellular DNA) และจากรายงานผลการวิจัยที่เป็นข่าวฮือฮาเมื่อต้นปีที่แล้วพบว่า พืชในวงศ์ ครูซิเฟอร์อี้ (Cruciferae) ซึ่งรวมถึง บร็อคโคลี คะน้า ผักกาดขาว และกะหล่ำต่างๆ มีสารประกอบที่สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดี ดังนั้นจึงช่วยต้านมะเร็งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีรายงานว่า ผักดังกล่าวช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ดี และจากการที่มีโพแทสเซียมสูงนี้เอง จึงช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตได้อีกด้วย

มีรายงานวิธีการใช้กะหล่ำดอก โดยให้นำกะหล่ำดอกไปคั้นน้ำ แล้วนำน้ำกะหล่ำดอกที่คั้นได้ไปใช้ อมกลั้วปาก พบว่าสามารถรักษาแผลในปาก แก้เจ็บคอ นอกจากนี้ยังพบว่าในน้ำ
กะหล่ำดอกสดช่วยรักษา แผลเรื้อรัง โรคเรื้อนกวาง ปวดศรีษะชนิดเรื้อรัง หอบหืด หลอดลมอักเสบ โดยแนะนำให้ดื่มประมาณ 1- 2 ออนซ์ทุกวัน และหากรับประทานกะหล่ำดอกสดมีคำแนะนำว่า ในการรับประทานกะหล่ำดอกอย่าปรุงสุกเกินไป เพราะการปรุงสุกเกินไปจะทำลายคุณสมบัติทางยาของกะหล่ำดอกได้
กะหล่ำปลีมีส่วนประกอบคือ คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินเอ โฟเลท เบต้าแคโรทีน และสารกลูโคซิโนเลท (glucosinolates) มีแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม เหล็ก และแมกนีเซียม มีกรดแอมิโน ชื่อกลูตามีน มีเลซิทินสูง(Lecithin) มีสารจีฟาร์เนท (Gefarnat) มีสารอินโดลส์(indoles) และสารไดไทโอลไทออนส์(dithiolthiones)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น